.jpg)
ทำไมคนรุ่นใหม่ถึงเลือกไปนั่งล้อมวงสบตากันผ่านควันหมูกระทะในคืนคริสต์มาส? มาสำรวจเส้นทางของเทศกาลแห่งความสุขที่กลายเป็น 'พื้นที่ฮีลใจ' ของเจเนอเรชันที่เหงาที่สุด
หากพูดถึงเทศกาลตะวันตกที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสังคมไทย "คริสต์มาส" คือคำตอบลำดับต้น ๆ แม้ประเทศไทยจะมีประชากรที่นับถือศาสนาคริสต์เพียงประมาณ 1% ของประชากรทั้งหมด แต่ความน่าสนใจอยู่ที่ว่า เหตุใดเทศกาลนี้จึงฝังตัวอยู่ในวิถีชีวิตชาวไทยได้อย่างไร้รอยต่อ จนกลายเป็นฤดูกาลแห่งความสุขที่ทุกคนต่างรอคอย
ประวัติศาสตร์คริสต์มาสในไทยต้องย้อนไปไกลถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยปรากฏหลักฐานการเข้ามาของคริสต์ศาสนาผ่านกลุ่มบาทหลวงชาวโปรตุเกสในคริสต์ศตวรรษที่ 16 โดยมีการนำคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาเผยแผ่เป็นครั้งแรก ในยุคนั้นการฉลองคริสต์มาสจำกัดวงอยู่เพียงใน "หมู่บ้านฝรั่ง" และ “คริสตัง” (คำที่คนไทยใช้เรียกชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกโดยเฉพาะ) ในหมู่บ้านโปรตุเกสเท่านั้น กิจกรรมหลักคือการสวดมนต์ และพิธีมิสซาเที่ยงคืน (พิธีบูชาขอบพระคุณของศาสนาคริสต์ที่จัดขึ้นในคืนวันที่ 24 ธันวาคม เพื่อฉลองการประสูติของพระเยซูเจ้า)
เมื่อเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 และ 4 บทบาทของมิชชันนารีชาวอเมริกัน และยุโรปมีความเข้มข้นขึ้น มิชชันนารีอย่าง หมอบรัดเลย์ (Dr. Dan Beach Bradley) ที่เดินทางมาถึงสยามในปี พ.ศ. 2378 ไม่เพียงแต่นำการแพทย์สมัยใหม่มาสู่ไทย แต่ยังนำวัฒนธรรมการรวมตัวกันในวันคริสต์มาสมาเผยแพร่ โดยเน้นไปที่การประกอบพิธีกรรม การร้องเพลงสรรเสริญ และการมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 วัฒนธรรมตะวันตกเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่สยามอย่างรวดเร็วผ่านการปรับปรุงประเทศให้ทันสมัย (Modernization) โรงเรียนคริสต์ หรือ "โรงเรียนคอนแวนต์" กลายเป็นสถานศึกษาของลูกหลานชนชั้นสูง เด็กไทยเริ่มรู้จัก "ซานตาคลอส" และการร้องเพลง "คริสต์มาสคาโรล" ในยุคนี้ คริสต์มาสถูกมองว่าเป็น "สัญลักษณ์ของความศิวิไลซ์" มากกว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนศาสนา เริ่มมีการประดับตกแต่งสถานที่ และใช้ต้นสนประดิษฐ์ในวัง หรือบ้านคหบดีเป็นครั้งแรก ๆ
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้คริสต์มาสกลายเป็นเทศกาลมหาชนเกิดขึ้นในช่วงหลังปี พ.ศ. 2500 โดยมีปัจจัยหนุนหลักคือ
หนึ่งในเอกลักษณ์ของคนไทยคือการรักความสนุกสนาน และความมีน้ำใจเปิดรับสิ่งใหม่ ๆ ได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นตรุษจีน คริสต์มาส หรือวันขึ้นปีใหม่ หากเป็นโอกาสที่ได้สังสรรค์ กินเลี้ยง หรือมอบของขวัญ คนไทยพร้อมจะเข้าร่วมด้วยความเต็มใจโดยไม่รู้สึกขัดกับหลักศาสนาพุทธ และคนไทยมองว่าคริสต์มาสคือเทศกาลระดับโลก การมีส่วนร่วมทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลก แม้จะร้อน 30 องศา แต่ก็พร้อมใส่เสื้อหนาวแฟชั่นออกมาถ่ายรูป และเช็คอินในโลกออนไลน์

มิติของอาหารสะท้อนการปรับตัวเข้ากับลิ้นคนไทยได้ชัดเจนที่สุด ในยุคแรก (สมัย ร.4 - ร.5) อาหารคริสต์มาสเข้ามาพร้อมกับกลุ่มมิชชันนารี และนักการทูตโดยมี "ไก่งวงอบ" เป็นพระเอกของโต๊ะอาหาร
ในอดีตไก่งวงหาได้ยากมากในไทย มิชชันนารีบางกลุ่มจึงต้องใช้ "ไก่บ้าน" หรือ "เป็ด" มาปรุงด้วยเครื่องเทศตะวันตกแทน ในบันทึกเก่า ๆ พบว่ามีการเสิร์ฟควบคู่กับมันฝรั่งบด และ "คริสต์มาสพุดดิ้ง" ซึ่งเป็นขนมเค้กผลไม้ที่ใส่เครื่องเทศหนัก ๆ แบบอังกฤษ ในยุคปัจจุบัน คนไทยได้เปลี่ยนเมนูให้เข้ากับไลฟ์สไตล์มากขึ้น เช่น จากไก่งวงเป็นไก่ทอดชุดใหญ่ หรือเค้กครีมสดแทนฟรุตเค้ก และที่โดดเด่นที่สุดคือ "คริสต์มาสหมูกระทะ"
ทำไมต้องหมูกระทะ?
แม้จะดูเหมือนว่าใช้ชีวิตอยู่ในโลกออนไลน์ตลอดเวลา แต่มีปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขาต้องการการรวมกลุ่มทางกายภาพ และทางสังคมมากขึ้น

สำหรับคน Gen Z คริสต์มาสอาจไม่ใช่แค่เรื่องของศาสนา หรือซานตาคลอส แต่มันคือ "วันหยุดแห่งความรู้สึก" แทนที่จะไปกินรูฟท็อป หรือร้านอาหารตะวันตกราคาแพง (ซึ่งมักจะอึดอัด และต้องรักษาภาพลักษณ์) การล้อมวงกินหมูกระทะให้ความรู้สึกจริงใจ และสบายใจมากกว่า หลังจากผ่านปีที่หนักหน่วง "หมูกระทะจะเยียวยาทุกสิ่ง" กลายเป็นประโยคยอดฮิตที่ใช้ในช่วงส่งท้ายปี เพื่อปลอบประโลมจิตใจร่วมกับเพื่อนสนิท
คริสต์มาสในประเทศไทยได้วิวัฒนาการจากการเป็นพิธีกรรมทางศาสนาเฉพาะกลุ่มในสมัยอยุธยา และสัญลักษณ์ของความทันสมัยในกลุ่มชนชั้นสูงยุครัตนโกสินทร์ สู่การเป็น "วัฒนธรรมป๊อป" ที่ไร้พรมแดนทางศาสนาในปัจจุบัน ปัจจัยหนุนจากอิทธิพลทหารอเมริกัน การขยายตัวของห้างสรรพสินค้า และนิสัยรักความสนุกของคนไทย ทำให้เทศกาลนี้กลายเป็นวาระแห่งการเฉลิมฉลองระดับมหาชนที่ถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทท้องถิ่นได้อย่างน่าสนใจ
โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่เผชิญกับความเหนื่อยล้าจากโลกดิจิทัล และผลกระทบจากยุคโรคระบาด ทำให้เกิดความโหยหาการรวมตัวอย่างรุนแรง คริสต์มาส และหมูกระทะจึงทำหน้าที่เดียวกันคือเป็นพื้นที่ปลอดภัย เตาหมูกระทะที่ร้อนระอุกลายเป็นศูนย์กลางการล้อมวงที่มอบความอบอุ่นแทนเตาเผิง สร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มที่เข้าถึงง่ายสำหรับทุกคน เปิดโอกาสให้เราได้มานั่งล้อมวง สรุปเรื่องราวในปีนี้ พร้อมคำอวยพรสำหรับเพื่อน ๆ ที่ยังคงอยู่กับเรา สะท้อนให้เห็นว่าสำหรับคนรุ่นใหม่ คริสต์มาสในไทยคือ "เทศกาลแห่งการเยียวยา" หลังจากปีแห่งความเหนื่อยล้าอันหนักหน่วงของ Gen Z นั่นเอง
ปีใหม่นี้ LINE MAN MART ชวนพ่อค้าแม่ค้ามาปั้นยอดขายช่วงปลายปี ผ่าน Wongnai Merchant App (WMA) อยากขายดีสิ้นปีไม่ต้องมู เเค่มีหมูกระทะ เพียงเพิ่มสินค้าให้พร้อม จัดเซตวัตถุดิบสุดปัง ให้ลูกค้าทุกเจนกดสั่งง่าย พร้อมดันยอดขายให้พุ่งรับเทศกาลปีใหม่ ใครยังไม่มีไอเดีย หยุดกังวล! เรารวมไอเดียเตรียมเซตหมูกระทะไว้ให้แล้ว เตรียมของให้ครบ แล้วมาอิ่มข้ามปี โกยกำไรไปพร้อมกัน!
อย่าลืม! กระตุ้นยอดขายให้ร้านค้าของคุณช่วงปลายปี บน LINE MAN MART เริ่มสร้างเซตชาบู หมูกระทะ บนแอปฯ Wongnai Merchant App (WMA) เพื่อเข้าร่วมแคมเปญเลย คลิกที่นี่
สำหรับร้านค้า LINE MAN MART (GP) ที่เข้าร่วมแคมเปญตั้งแต่วันที่ 1– 31 ธ.ค. 2568 เท่านั้น
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
โฆษณา LINE MAN ทำง่ายใน 3 คลิก ดูวิธีทำที่นี่
เริ่มต้นสร้างโฆษณา LINE MAN บนแอปฯ Wongnai Merchant App (WMA) คลิกที่นี่
บทความแนะนำเพิ่มเติม