
เจาะลึกปรากฏการณ์ Overprice ทำไมบางร้านยิ่งแพงคนยิ่งรุม แต่บางร้านขยับราคากลับเกิดดราม่า?
ทำไมสินค้าบางชนิดถึงสามารถตั้งราคาได้สูงกว่าต้นทุนหลายเท่าตัว แต่กลับมีผู้คนยอมไปเข้าแถวรอคิวนับชั่วโมง? ในขณะที่บางร้านพอขยับราคาขึ้นเพียงนิดเดียว กลับกลายเป็นประเด็นดราม่าเดือดบนโลกโซเชียล?
อะไรคือเส้นแบ่งที่แยก "จานระดับพรีเมียมที่ใครก็สนใจ" ออกจาก "จานที่ตั้งราคาเกินจริงจนน่าสงสัย"?
คำตอบของเรื่องนี้ไม่ได้วัดกันที่ตัวเลขบนราคา แต่อยู่ที่ความคุ้มค่าที่ลูกค้าสัมผัสได้เมื่อแลกกับเงินในกระเป๋า
สาเหตุที่ทำให้อาหารมีราคาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่ได้มาจากวัตถุดิบเพียงอย่างเดียว แต่มีปัจจัยแฝงที่เราอาจมองไม่เห็น
และนี่คือปัจจัยชี้ชะตาที่จะตัดสินว่าธุรกิจของคุณจะกลายเป็น "ตำนานที่คนยอมจ่าย" หรือเป็นแค่ "ดราม่าชั่วข้ามคืน"
เบื้องหลังการที่ผู้บริโภคยอมควักเงินจ่ายแพงกว่าปกติ 5-10 เท่า ไม่ใช่เรื่องไร้สติ แต่เป็นกลไกทางจิตวิทยาที่แบรนด์ระดับโลกใช้ขับเคลื่อนตลาด
แม้ผู้บริโภคจะยินดีจ่ายเพื่อความพิเศษ แต่ความขัดแย้งจะเกิดขึ้นทันทีหากเกิดมาตรฐานที่ไม่ตรงกัน ในยุคที่กล้องมือถือคือตาชั่ง และโซเชียลคือศาลเตี้ย ดราม่ามักเกิดจากปัจจัยเหล่านี้
เพื่อให้แบรนด์อยู่รอดจากการถูกตรวจสอบ และตั้งราคาได้อย่างสมเหตุสมผล ธุรกิจควรปรับใช้กลยุทธ์ดังนี้:
ปรากฏการณ์ราคาอาหารที่แพงเกินจริง หรือ Overprice ในสังคมไทยไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของรสนิยมการบริโภคส่วนบุคคล หรือความพึงพอใจในระดับปัจเจกเท่านั้น แต่ผลลัพธ์ของมันได้หยั่งรากลึกลงไปจนกลายเป็นปัญหาโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้าง โดยเฉพาะการขยายช่องว่างของความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจให้รุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อราคาอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง หรือกลุ่มอาหารสดคุณภาพดีถูกผลักให้กลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย กลุ่มผู้มีรายได้น้อยจึงถูกกีดกันออกจากโอกาสในการเข้าถึงสารอาหารที่ครบถ้วนโดยปริยาย สถานการณ์นี้บีบบังคับให้พวกเขาต้องหันไปพึ่งพาอาหารแปรรูป หรืออาหารราคาถูกที่มีโซเดียม และน้ำตาลสูง ซึ่งมีราคาถูกกว่าอาหารเพื่อสุขภาพหลายเท่าตัว นำไปสู่ปัญหาสุขภาพเรื้อรัง และภาระทางการแพทย์ของรัฐในระยะยาว
นอกจากนี้ กระแสการบริโภคนิยมที่มาพร้อมกับการกำหนดราคาเกินจริงยังส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพทางการเงินของประชาชน ค่านิยม "อวดรวย" และการสร้างภาพลักษณ์ผ่านไลฟ์สไตล์การกินดื่มตามกระแสโซเชียลมีเดีย กลายเป็นแรงกดดันทางสังคมที่กระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายเกินตัวเพื่อแลกกับการยอมรับ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนให้เห็นผ่านตัวเลขหนี้ครัวเรือนของไทยที่พุ่งสูงขึ้นอย่างน่ากังวลจนแตะระดับ 90% ของ GDP ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการสูญเสียสมดุลระหว่างรายได้ และการใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีราคาสูงเกินจริง ส่งผลให้ความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือนเปราะบางลง และกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน
ในโลกที่ FOMO ขับเคลื่อนการซื้อขาย การตั้งราคาเกินจริงอาจสร้างกำไรได้ในระยะสั้น แต่ในยุคที่ผู้บริโภคมีเครื่องมือตรวจสอบอยู่เต็มมือความจริงใจ และความสมเหตุสมผลต่างหากที่จะเป็นเกราะคุ้มกันแบรนด์ เพราะสุดท้ายแล้ว ลูกค้าไม่ได้โกรธที่ของแพง แต่โกรธเพราะรู้สึกว่า "ถูกเอาเปรียบ" และถูกดูถูกความฉลาดในการเลือกใช้จ่ายต่างหาก คือสิ่งที่สะท้อนตัวตนที่แท้จริงของผู้บริโภคในยุคนี้
ในตลาดที่มีการแข่งขันสูง และลูกค้ามีความไวต่อราคาโฆษณา LINE MAN จะทำหน้าที่เป็นตัวช่วยให้ร้านอาหารพรีเมียม หรือร้านที่มีต้นทุนสูงสามารถสื่อสารจุดคุ้มทุนให้กับลูกค้าได้อย่างตรงจุด
โฆษณา LINE MAN ทำง่ายใน 3 คลิก ดูวิธีทำที่นี่
เริ่มต้นสร้างโฆษณา LINE MAN บนแอปฯ Wongnai Merchant App (WMA) คลิกที่นี่
บทความแนะนำเพิ่มเติม