น้ำมันปาล์มราคาพุ่งไม่หยุด! กระทบต้นทุนร้านอาหาร และครัวเรือน เตรียมรับมือก่อนของแพงยิ่งขึ้น!
ล่าสุด ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวดในประเทศไทยมีการพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยราคาขายปลีกแตะถึงระดับ 60 - 65 บาทต่อขวด ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในรอบหลายปี สถานการณ์นี้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค และผู้ประกอบการทั้งรายเล็ก และรายใหญ่มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหาร และครัวเรือนที่ใช้น้ำมันปาล์มเป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร
ผลกระทบต่อผู้บริโภค
- ต้นทุนอาหารเพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนในการทำอาหารของครัวเรือน และร้านอาหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมนูทอด เช่น ไก่ทอด กล้วยทอด หรืออาหารตามสั่ง
- ค่าครองชีพสูงขึ้น เนื่องจากน้ำมันพืชเป็นสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน การปรับราคาสูงจึงกระทบโดยตรงต่อค่าใช้จ่ายของประชาชน
วิธีรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันปาล์มแพง!
- เลือกใช้น้ำมันพืชชนิดอื่น เช่น หันไปใช้น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ซึ่งอาจมีราคาที่ถูกกว่าในช่วงนี้ และเลือกใช้น้ำมันที่เหมาะสมกับประเภทอาหาร เช่น น้ำมันรำข้าวสำหรับผัด หรือนึ่ง
- ปรับเปลี่ยนวิธีการทำอาหาร เช่น ลดปริมาณการใช้น้ำมันในการปรุงอาหาร โดยเปลี่ยนจากการทอดมาเป็นการต้ม นึ่ง ย่าง หรือใช้หม้อทอดไร้น้ำมัน (Air Fryer) ที่ช่วยลดการใช้น้ำมันได้อย่างมาก
- ซื้อน้ำมันจากโครงการช่วยเหลือของรัฐ โดยกรมการค้าภายในได้เปิดจุดจำหน่ายน้ำมันปาล์มในราคาแนะนำที่ 49 บาทต่อขวด ผ่านโครงการช่วยเหลือค่าครองชีพในบางพื้นที่ เช่น ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ หรือห้างสรรพสินค้าบางแห่ง
- ซื้อน้ำมันแบบแบ่งใช้ หรือร่วมซื้อ หากมีครอบครัวใหญ่ หรือกลุ่มร้านค้า อาจซื้อแบบแกลลอนใหญ่แล้วแบ่งกันใช้ เพื่อลดต้นทุนต่อหน่วย
- เข้าร่วมโครงการ “ทอดไม่ทิ้ง” กำจัดน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว โดยไม่ทิ้ง ไม่ทอดซ้ำ โดยสถานีบางจากรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 20 บาท (ราคาอาจมีการปรับขึ้นลงตามกลไกตลาดน้ำมันพืช) เพื่อนำไปผลิตเชื้อเพลิงเครื่องบิน ดีต่อโลก แถมร้านค้ายังได้ทุนคืนอีกด้วย!
คำแนะนำในการเลือกซื้อน้ำมัน
- ตรวจสอบฉลากสินค้า เลือกซื้อน้ำมันที่มีเครื่องหมาย อย. และฉลากระบุข้อมูลชัดเจน เช่น วันผลิต วันหมดอายุ และส่วนผสม
- เปรียบเทียบราคา ตรวจสอบราคาในหลายร้านค้า รวมถึงร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ หรือห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการลดค่าครองชีพ
- เลือกซื้อน้ำมันให้เหมาะกับการใช้งาน น้ำมันปาล์มเหมาะสำหรับการทอดเพราะทนความร้อนได้ดี แต่ถ้าต้องการน้ำมันเพื่อสุขภาพ อาจเลือกน้ำมันรำข้าว หรือน้ำมันมะกอกแทน
- หลีกเลี่ยงการซื้อน้ำมันจากแหล่งที่ไม่ปลอดภัย ไม่ควรซื้อน้ำมันจากแหล่งที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือไม่มีบรรจุภัณฑ์ที่สะอาด เพราะอาจเสี่ยงต่อสารตกค้าง หรือสิ่งเจือปน
เก็บรักษาน้ำมันอย่างถูกต้อง!
- เก็บน้ำมันในที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพราะอาจทำให้น้ำมันเสื่อมคุณภาพเร็วขึ้น
- ปิดฝาขวดให้สนิทหลังใช้งานทุกครั้ง เพื่อป้องกันอากาศเข้าไปทำให้น้ำมันเหม็นหืน
- หากซื้อแบบแกลลอนใหญ่ ควรแบ่งใส่ขวดเล็กเพื่อสะดวกในการใช้งาน และลดโอกาสที่น้ำมันจะสัมผัสอากาศมากเกินไป
ผู้บริโภคสามารถรับมือได้ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีทำอาหาร เลือกใช้น้ำมันชนิดอื่น หรือซื้อผ่านโครงการช่วยเหลือของรัฐ พร้อมทั้งเลือกซื้อน้ำมันอย่างระมัดระวังเพื่อให้ได้สินค้าที่ปลอดภัย และคุ้มค่า
ติดตามข่าวสาร และสาระน่ารู้ที่พ่อค้าแม่ค้า LINE MAN ไม่ควรพลาด ได้ที่กระดิ่งแจ้งเตือนบนแอปฯ Wongnai Merchant App คลิกที่นี่
บทความแนะนำเพิ่มเติม