สูตรตั้งราคาด้วย Cost Plus Pricing อัปกำไรปัง ไม่มีคำว่าขาดทุน

พ่อค้าแม่ค้าคนไหนอยากโกยกำไรแบบมั่นคง ไม่มีขาดทุน ทำตามนี้เลย!

อย่างที่พ่อค้าแม่ค้ารู้กันดีว่า ‘การตั้งราคาอาหาร’ มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้า หากตั้งราคาอาหารถูกเกินไป พ่อค้าแม่ค้าอาจต้องเป็นคนแบกรับภาระไว้เอง ซึ่งไม่ส่งผลดีในระยะยาว หรือหากตั้งราคาสูงเกินไป ทำให้ลูกค้ารู้สึกแพงเกินกำลังซื้อ และตัดสินใจเลือกไปซื้อร้านอื่นที่ราคาถูกกว่า วันนี้ห้องเรียนร้านค้า LINE MAN Wongnai มาแจกสูตรลับตั้งราคาเมนูเด็ดที่ช่วยตั้งราคาที่เหมาะสม ลดการขาดทุน และเพิ่มกำไรให้ร้านในระยะยาว สูตรลับคืออะไร และมีวิธีคิดยังไง มาดูไปพร้อม ๆ กันเลย! 

ก่อนจะรู้ว่าควรตั้งราคาขายเท่าไหร่ เราจำเป็นต้องคิดต้นทุนการผลิตทั้งหมดก่อน จึงจะนำต้นทุนนั้นมาคิดเป็นค่าเฉลี่ยต่อหน่วย เพื่อให้ได้ยอดราคาต่อจานที่แม่นยำที่สุด ซึ่งพ่อค้าแม่ค้ามักพลาดตรงจุดนี้ไป เพราะ ‘ต้นทุน’ นั้นไม่ได้มีแค่ค่าวัตถุดิบเท่านั้น แต่ยังประกอบด้วยต้นทุนอื่น ๆ แฝงอยู่ด้วย ดังนั้นเราจึงต้องมาทำความรู้จักต้นทุนแต่ละประเภทกันก่อน

💸 ต้นทุนคงที่ (Fixed Cost) 

ค่าใช้จ่ายที่ร้านอาหารต้องจ่ายเป็นประจำเป็นปกติทุกเดือน ไม่ว่ายอดขายจะสูง หรือต่ำ ขายดี หรือแม้แต่ขายไม่ได้เลย ก็ต้องจ่ายในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน เช่น ค่าแรงรายวัน ค่าเช่าที่ เป็นต้น 

💸 ต้นทุนผันแปร (Variable Cost) 

ค่าใช้จ่ายที่ผันแปรไปตามยอดขาย เช่นค่าวัตถุดิบที่ไม่แน่นอนในแต่ละวัน เพราะหากวันนี้ใช้วัตถุดิบที่เตรียมไว้ไม่หมดก็สามารถทบยอดไปใช้ต่อในวันถัดไปได้ ซึ่งรวมถึงค่าแพ็กเกจที่ใช้จัดส่งลูกค้าด้วยเช่นกัน

 การตั้งราคาเพิ่มจากต้นทุน (Cost Plus Pricing)

สูตรในการตั้งราคาอาหาร โดยการบวกเปอร์เซ็นต์เพิ่มจากต้นทุนของอาหารนั่นเอง พ่อค้าแม่ค้าสามารถตัดสินใจได้ว่าจะต้องการบวกกำไรเพิ่มกี่เปอร์เซ็นต์จากราคาต้นทุน คำนวณได้ตามนี้เลย! 

ราคาขาย = ต้นทุนทั้งหมดต่อจาน + กำไรของสินค้า (เปอร์เซ็นต์ที่ต้องการ)

นำต้นทุนทั้งหมดมาเฉลี่ยเป็นราคาต่อจาน จากนั้นพ่อค้าแม่ค้าต้องการกำไรกี่เปอร์เซ็นต์ ก็นำมาบวกกับต้นทุนทั้งหมดจะได้ราคาขายนั่นเอง โดยสูตรนี้จะทำให้พ่อค้าแม่ค้ามั่นใจได้ว่า กำไรจะครอบคลุมอาหารทุกจาน

ข้อดีการตั้งราคาเพิ่มจากต้นทุน (Cost Plus Pricing)

  • ช่วยให้ตั้งราคาอาหารได้อย่างเหมาะสม 
  • โกยกำไรได้อย่างมั่นคง เนื่องจากกำหนดกำไรที่ต้องการชัดเจน 
  • ลดโอกาสขาดทุน ครอบคลุมกำไรทุกจานแน่นอน

 ตัวอย่าง

  • ข้าวผัดกระเพรา ต้นทุนรวมต่อจานอยู่ที่ 30 บาท พ่อค้าแม่ค้าต้องการขายให้ได้กำไรจานละ  60 % ดังนั้น 

ราคาขาย = ต้นทุนทั้งหมดต่อจาน + กำไรของสินค้า

30 + (30 x 60 %) = ประมาณ 50 บาท 

เพียงเท่านี้พ่อค้าแม่ค้าก็หมดกังวล ต่อไปนี้สามารถตั้งราคาอาหารได้อย่างเหมาะสม ลดโอกาสขาดทุน แถมสามารถบวกกำไรตามเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการได้ และนอกจากนี้พ่อค้าแม่ค้ายังสามารถดันยอดออเดอร์ให้โตขึ้นกว่าที่เคยได้ เพียงจะเซตเมนูเด็ดคู่ “โค้ก” ช่วยดันยอดออร์เดอร์โตสูงสุดถึง 20% เลยทีเดียว!

อัปกำไรสองต่อ เพียงจัดเซตเมนูอร่อยซ่าคู่ “โค้ก” กระตุ้นรายได้โต!

พ่อค้าแม่ค้าได้กำไรต่อจานตามที่ต้องการแล้ว หากอยากเพิ่มกำไรสองต่อ อัปยอดให้พุ่งกว่าเดิมสามารถเข้าร่วมแคมเปญ มื้อพิเศษอร่อยซ่ากับ “โค้ก” โดยนำเมนูสุดเด็ดมาจัดเซตคู่กับเครื่องดื่ม “โค้ก” เพื่อสิทธิประโยชน์ในการทำตลาดฟรี! บอกได้เลยว่าคุ้มสุด ๆ ทั้งร้านค้ามือโปรฯ และร้านค้ามือใหม่ มากระตุ้นรายได้โต กับ “โค้ก” ไปด้วยกัน !

สิทธิพิเศษที่ทางร้านจะได้รับฟรี เมื่อเข้าร่วมแคมเปญ มื้อพิเศษอร่อยซ่ากับ “โค้ก”

  • คูปองส่วนลดค่าอาหารสำหรับลูกค้า
  • เครดิตโฆษณาสำหรับใช้โปรโมตบนแอปฯ LINE MAN 
  • พื้นที่สื่อโปรโมตในช่องทางต่าง ๆ จาก “Coca-Cola” LINE MAN และ Wongnai 
  • กรอบตกแต่งเซตเมนูอร่อยซ่ากับ “โค้ก” ให้ร้านค้านำไปใช้โปรโมต
  • กรอบโปรโมตแคมเปญ มื้อพิเศษอร่อยซ่ากับ “โค้ก”

สำหรับร้านค้าที่สนใจแคมเปญ มื้อพิเศษอร่อยซ่ากับ “โค้ก” สามารถสมัคร และดูรายละเอียด คลิกที่นี่

เพิ่มเมนูลัดคู่ "โค้ก" บนแอปฯ Wongnai Merchant App (WMA) คลิกที่นี่

สร้างโปรโมชั่นคู่ "โค้ก" เพื่อเข้าร่วมแคมเปญ มื้อพิเศษอร่อยซ่ากับ “โค้ก" บนแอปฯ Wongnai Merchant App (WMA) คลิกเลย