เพิ่มยอดขายได้ ด้วยเทคนิค “เพิ่มของในตะกร้าลูกค้า” หลักจิตวิทยาการประหยัดและความคุ้มค่าที่ห้างสรรพสินค้าใช้แล้วได้ผล! ร้านค้าขายทั่วไป จะประยุกต์ใช้อย่างไร?
เคยเป็นกันไหมครับ? ตั้งใจเข้าห้างสรรพสินค้าไปซื้อของแค่ชิ้นเดียว แต่กลับออกมาแบบของเต็มกร้า ที่หลายคนเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่า ห้างสรรพสินค้าใช้หลักการทางจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้าซื้อของมากขึ้น หรือที่เรียกว่า เทคนิคการเพิ่ม “Basket Size” หรือก็คือ การทำให้ลูกค้าหยิบของลงตะกร้ามากขึ้น!
และรู้หรือไม่ว่า ร้านค้าทั่วไป โดยเฉพาะร้านค้าของพี่ ๆ บน LINE MAN MART ก็สามารถใช้เทคนิคนี้ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย ทำให้ลูกค้าบวกของเพิ่มลงตะกร้ามากขึ้นได้เหมือนกัน วิธีการจะมีอะไรบ้าง ทำได้อย่างไร Wongnai for Business มีเทคนิคมาแชร์ครับ!
ร้านไหนที่ยังไม่มีหน้าร้านบน LINE MAN สมัครเปิดร้าน คลิก
เทคนิคการเพิ่ม “Basket Size” หรือ เพิ่มจำนวนสินค้าที่ลูกค้าซื้อแต่ละครั้งให้มากขึ้น
คือ การทำให้ลูกค้าซื้อของมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ จากเดิมอาจจะตั้งใจมาซื้อของเพียง 2 ชิ้น แต่ด้วยการทำการตลาดและโปรโมชันของร้าน จึงทำให้ลูกค้าหยิบสินค้าลงตะกร้าหรือซื้อของมากขึ้น อาจจะเป็น 3 - 5 ชิ้นได้
เทคนิค “การเพิ่มสินค้าในตะกร้า” ให้ลูกค้า จะช่วยให้ร้านสามารถเพิ่มค่าเฉลี่ยยอดขายต่อครั้ง/ต่อลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการเล่นกับ “จิตวิทยาการประหยัด” ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาเลือกชมสินค้าในร้านจากที่ตั้งใจจะซื้อของเพียงแค่ 1 - 2 ชิ้น เมื่อเห็นสินค้าอื่น ๆ ที่เขาน่าจะจำเป็นต้องใช้ รู้สึกว่า “ซื้อตอนนี้ จะประหยัดมากกว่า” หรือ “ไม่อยากพลาดความคุ้มค่านี้” ทำให้ซื้อของมากขึ้นกว่าที่ตั้งใจ
ยกตัวอย่างเช่น
จะเห็นได้ว่า ตอนแรกลูกค้าตั้งใจมาซื้อของเพียงแค่ไม่กี่อย่างหรือตั้งใจใช้เงินจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อกลับออกจากร้านลูกค้าจะซื้อของมากกว่าที่ตั้งใจ
เทคนิคการเพิ่มจำนวนสินค้าในตลาดลูกค้า เป็นเทคนิคที่ห้างสรรพสินค้าใช้เป็นประจำและได้ผลตลอด โดยห้างสรรพสินค้ามักจะลดราคาสินค้าบางรายการ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาจับจ่าย แต่กว่าจะเดินถึงของลดราคาก็จะมีของลดราคาอื่น ๆ หรือเห็นสินค้าแพ็กคู่ที่ “ถ้าซื้อตอนนี้ จะคุ้มค่ากว่า” ทำให้ทุกครั้งที่เดินเข้าห้าง มักจะได้ของกลับบ้านมากกว่าที่ตั้งใจ ไว้
ข่าวดีก็คือ เทคนิคนี้ พี่ ๆ ร้านค้าบน LINE MAN MART ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน!
เทคนิคแรกที่ทุกร้านสามารถทำได้ คือ “การขายของเป็นเซต” (Product Budling) โดยของที่จะขายควรจะต้องเป็นของที่สามารถใช้ร่วมกันได้หรืออยู่ในประเภทเดียวกัน จับคู่หรือรวมเป็นเซตขาย โดยที่ราคาเมื่อซื้อรวมหรือแบบแพ็กเกจจะต้องถูกกว่า คุ้มค่ากว่าการซื้อแยก
ตัวอย่างรูปแบบของการจัดเซตสินค้า
เทคนิค “ซื้อคู่คุ้มกว่า” และ “ซื้อขนาดใหญ่ พร้อมของแถม” จะเล่นกับจิตวิทยา “การประหยัด” ช่วยทำให้ลูกค้าซื้อของจำนวนมากขึ้นจากที่ตั้งใจ ส่วนการจัดชุดสินค้า “ซื้อเป็นชุด ได้ครบกว่า” เช่น ชุดผลไม้รวม ชุดสังฆทาน ชุดของฝาก ชุดของขวัญปีใหม่ ฯลฯ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านสามารถขายของที่มีราคาสูงกว่าสินค้าปกติได้ ช่วยเพิ่มยอดขายต่อครั้งได้มากขึ้น
เทคนิคต่อมา คือ การให้ “ส่วนลดท้ายบิล” หมายถึง เมื่อลูกค้าซื้อของจนถึงราคาหนึ่งแล้ว หากซื้อเพิ่มให้ถึงเกณฑ์ขึ้นต่ำ ลูกค้าจะได้รับส่วนลดเพิ่ม เช่น ซื้อครบ 150 บาท จะได้รับส่วนลด 5% ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าซื้อของกับร้านรวม 120 บาท ลูกค้าก็จะหยิบหรือบวกสินค้าลงตะกร้าเพิ่มเพื่อให้ยอดบิลถึง 150 บาท เพื่อรับส่วนลด
สำหรับร้านค้าบน LINE MAN MART (ที่เข้าร่วม GP) ก็สามารถใช้โปรโมชันนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการสร้างโปรฯ “ส่วนลดท้ายบิล” ผ่าน Wongnai Marchant App ตั้งราคาขั้นต่ำและกำหนดส่วนลดได้
สำหรับสูตรการหาราคาขั้นต่ำที่เหมาะสม คือ ยอดขายต่อบิล x 1.25 ได้เท่าไร จึงนำมากำหนดส่วนลดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ร้านรับไหว
ยกตัวอย่างวิธีคำนวณ
120 x 1.25 = 150 ให้ร้านตั้งยอดสั่งซื้อขั้นต่ำที่ 150 บาท
150 x 5% = 7.5 บาท ให้ร้านใส่มูลค่าส่วนลด 7 บาท
จากเดิมที่ลูกค้าซื้อของกับร้าน 120 บาท เมื่อเห็นว่า ถ้าซื้อเพิ่มอีกหน่อย จะได้รับส่วนลด 5% ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านขายของต่อครั้งได้มากขึ้น
**สร้างโปรฯ ส่วนลดท้ายบิล วันนี้! รับ “พื้นที่สื่อโปรโมตสินค้า” ฟรี! 2 ตำแหน่ง ไม่ต้องเสียค่าแอด!
อ่านวิธีสร้างโปรฯ ส่วนลดท้ายบิล และคำนวณส่วนลด ที่นี่ : คลิก
การมีของขายในร้านที่หลากหลายจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อของเพิ่มได้ ซึ่งวิธีการนี้ จะคล้ายกับการที่ห้างสรรพสินค้ามีสินค้าให้เลือกหลากหลายทั้งของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน แม้ว่าลูกค้าจะเข็นรถเข้ามาเพื่อซื้อของเพียงไม่กี่อย่าง ก็มักจะต้องกลับไปพร้อมกับสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อแต่แรกด้วย
ร้านบน LINE MAN MART ก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้ ด้วยการเติมของในร้านให้หลากหลายและครอบคลุมสิ่งที่ลูกค้าของร้านน่าจะมองหา แต่ควรจะต้องเป็นของในกลุ่มประเภทเดียวกัน เช่น ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและสำนักงาน ร้านขายวัตถุดิบทำเบเกอรี่ ร้านขายผลไม้ ฯลฯ ถ้ามีของที่หลากหลาย ลูกค้าสามารถซื้อได้จากแหล่งเดียว เสียค่าส่งครั้งเดียว ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าอยากจะสั่งมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การที่มีของหลากหลายให้เลือกซื้อ เพิ่ม “ของที่ซื้อง่าย” หรือ “ของใช้ในชีวิตประจำวัน” เช่น แชมพูที่ใช้ประจำ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ ก็เป็นการส่งเสริมโปรโมชัน “ส่วนลดท้ายบิล” ข้างต้นอีกด้วย เพราะช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้าเวลาที่จะต้องซื้อของเพิ่มอีกสักชิ้น-สองชิ้น เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำรับส่วนลด
เมื่อของในร้านราคาถูกลง ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อของมากขึ้น หรือตอนแรกลูกค้าอาจตั้งใจจะมาซื้อของอีกอย่าง แต่เมื่อเห็นสินค้าอีกอย่างกำลังลดราคาอยู่ ลูกค้าก็อาจจะกดบวก “สินค้าราคาพิเศษ” เหล่านั้นเพิ่มได้
สำหรับพี่ ๆ ร้าน LINE MAN MART ก็สามารถเพิ่ม “สินค้าราคาพิเศษ” ในรายการสินค้าของร้านได้ 2 วิธี
เมื่อร้านมีตัวเลือกที่หลากหลายและมีสินค้าราคาพิเศษ จากเดิมที่ลูกค้าตั้งใจจะซื้อของเพียงอย่างเดียว (ที่อาจจะไม่ใช่สินค้าที่กำลังลดราคาอยู่) ลูกค้าก็อาจจะมองหาสินค้าที่พวกเขาน่าจะสนใจ สามารถซื้อไปตุนได้ เพื่อให้ได้สินค้าที่ราคาถูกกว่าปกติ ทำให้ร้านค้าขายของต่อครั้งได้มากขึ้น
เทคนิคที่นำมาฝากกัน 4 เทคนิคในบทความนี้ เป็นเทคนิคที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ใช้ได้ผลพิสูจน์มาแล้ว เชื่อว่าพี่ ๆ ที่มีร้าน LINE MAN MART ร้านไหนลองทำตาม ต้องช่วยดันยอดขายเฉลี่ยต่อวันให้พุ่งขึ้นได้! ยิ่งขายต่อครั้งได้มากข้ึนบ่อย ๆ ยอดขายต่อวัน ต่อสัปดาห์ และต่อเดือนของร้านก็ยิ่งพุ่ง!
เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ง่าย ๆ ขยายฐานลูกค้า แถมโกยลูกค้าประจำ! สมัครเลย ใช้มือถือเครื่องเดียวก็สมัครได้ ผ่าน Wongnai Merchant App คลิกที่นี่
อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ที่นี่ :