4 เทคนิคเพิ่มไซส์ตะกร้า ให้ลูกค้าซื้อของเยอะขึ้น! ใช้กี่ครั้งก็ได้ผล!

เพิ่มยอดขายได้ ด้วยเทคนิค “เพิ่มของในตะกร้าลูกค้า” หลักจิตวิทยาการประหยัดและความคุ้มค่าที่ห้างสรรพสินค้าใช้แล้วได้ผล! ร้านค้าขายทั่วไป จะประยุกต์ใช้อย่างไร?

เคยเป็นกันไหมครับ? ตั้งใจเข้าห้างสรรพสินค้าไปซื้อของแค่ชิ้นเดียว แต่กลับออกมาแบบของเต็มกร้า ที่หลายคนเป็นแบบนั้น ก็เพราะว่า ห้างสรรพสินค้าใช้หลักการทางจิตวิทยาที่ทำให้ลูกค้าซื้อของมากขึ้น หรือที่เรียกว่า เทคนิคการเพิ่ม “Basket Size” หรือก็คือ การทำให้ลูกค้าหยิบของลงตะกร้ามากขึ้น!

และรู้หรือไม่ว่า ร้านค้าทั่วไป โดยเฉพาะร้านค้าของพี่ ๆ บน LINE MAN MART ก็สามารถใช้เทคนิคนี้ เพื่อช่วยเพิ่มยอดขาย ทำให้ลูกค้าบวกของเพิ่มลงตะกร้ามากขึ้นได้เหมือนกัน วิธีการจะมีอะไรบ้าง ทำได้อย่างไร Wongnai for Business มีเทคนิคมาแชร์ครับ!

ร้านไหนที่ยังไม่มีหน้าร้านบน LINE MAN สมัครเปิดร้าน คลิก 

แนะนำเทคนิคเพิ่ม “Basket Size” ให้ลูกค้าหยิบของลงตะกร้ามากขึ้น

เทคนิคการเพิ่ม “Basket Size” หรือ เพิ่มจำนวนสินค้าที่ลูกค้าซื้อแต่ละครั้งให้มากขึ้น 

คือ การทำให้ลูกค้าซื้อของมากกว่าที่ตั้งใจเอาไว้ จากเดิมอาจจะตั้งใจมาซื้อของเพียง 2 ชิ้น แต่ด้วยการทำการตลาดและโปรโมชันของร้าน จึงทำให้ลูกค้าหยิบสินค้าลงตะกร้าหรือซื้อของมากขึ้น อาจจะเป็น 3 - 5 ชิ้นได้

เทคนิค “การเพิ่มสินค้าในตะกร้า” ให้ลูกค้า จะช่วยให้ร้านสามารถเพิ่มค่าเฉลี่ยยอดขายต่อครั้ง/ต่อลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยการเล่นกับ “จิตวิทยาการประหยัด” ทำให้ลูกค้าที่เข้ามาเลือกชมสินค้าในร้านจากที่ตั้งใจจะซื้อของเพียงแค่ 1 - 2 ชิ้น เมื่อเห็นสินค้าอื่น ๆ ที่เขาน่าจะจำเป็นต้องใช้ รู้สึกว่า “ซื้อตอนนี้ จะประหยัดมากกว่า” หรือ “ไม่อยากพลาดความคุ้มค่านี้” ทำให้ซื้อของมากขึ้นกว่าที่ตั้งใจ

ยกตัวอย่างเช่น 

  • ลูกค้าตั้งใจมาซื้อเนื้อหมูบด 200 กรัม ราคา 70 บาท แต่ถ้าซื้อของครบ 100 บาท จะได้ส่วนลด 5% ลูกค้าก็อาจจะหาเลือกซื้อ นำ้ปลาและผงปรุงรส (ที่ซื้อมาตุนได้) จึงซื้อเพิ่มให้ครบ 100 บาท เพื่อให้ได้ส่วนลด 
  • ลูกค้าตั้งใจมาซื้อแชมพูที่หมดไปเท่านั้น โดยแชมพูราคา 50 บาท แต่เห็นแพ็กเกจ “แชมพู+ครีมนวดผม” ราคาเพียง 85 บาท ซึ่งถ้าซื้อแยกต้องจ่าย 100 บาท การเลือกซื้อทั้งแชมพูและครีมนวดผมตอนนี้ จะช่วยประหยัดได้ถึง 15 บาท

จะเห็นได้ว่า ตอนแรกลูกค้าตั้งใจมาซื้อของเพียงแค่ไม่กี่อย่างหรือตั้งใจใช้เงินจำนวนหนึ่ง แต่เมื่อกลับออกจากร้านลูกค้าจะซื้อของมากกว่าที่ตั้งใจ 

เทคนิคการเพิ่มจำนวนสินค้าในตลาดลูกค้า เป็นเทคนิคที่ห้างสรรพสินค้าใช้เป็นประจำและได้ผลตลอด โดยห้างสรรพสินค้ามักจะลดราคาสินค้าบางรายการ เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาจับจ่าย แต่กว่าจะเดินถึงของลดราคาก็จะมีของลดราคาอื่น ๆ หรือเห็นสินค้าแพ็กคู่ที่ “ถ้าซื้อตอนนี้ จะคุ้มค่ากว่า” ทำให้ทุกครั้งที่เดินเข้าห้าง มักจะได้ของกลับบ้านมากกว่าที่ตั้งใจ ไว้ 

ข่าวดีก็คือ เทคนิคนี้ พี่ ๆ ร้านค้าบน LINE MAN MART ก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน!

4 เทคนิคเพิ่ม Basket Size ทำให้ลูกค้าซื้อของต่อครั้งเยอะขึ้น

1. ขายของเป็นเซต

เทคนิคแรกที่ทุกร้านสามารถทำได้ คือ “การขายของเป็นเซต” (Product Budling) โดยของที่จะขายควรจะต้องเป็นของที่สามารถใช้ร่วมกันได้หรืออยู่ในประเภทเดียวกัน จับคู่หรือรวมเป็นเซตขาย โดยที่ราคาเมื่อซื้อรวมหรือแบบแพ็กเกจจะต้องถูกกว่า คุ้มค่ากว่าการซื้อแยก 

ตัวอย่างรูปแบบของการจัดเซตสินค้า

  • “ซื้อคู่คุ้มค่ากว่า” เช่น ซื้อแชมพู+ครีมนวดผม จากเดิมที่ถ้าซื้อแยกราคารวม 100 บาท หากซื้อคู่ลดเหลือ 85 บาท 
  • “ซื้อขนาดใหญ่ พร้อมของแถม” เช่น ซื้อผงซักฟอกขนาด 3 กิโลกรัม ได้น้ำยาปรับผ้านุ่มเป็นของแถม 2 ซอง 
  • “ซื้อเป็นชุด ได้ครบกว่า” เช่น การจัดผลไม้รวมที่มีผลไม้หลากหลายชนิด ถึงแม้ว่าราคาจะสูงกว่า ซื้อผลไม้แยกชนิด แต่คุ้มค่ากว่า เพราะได้ผลไม้หลากชนิด หรือการจัดชุดสังฆทานขายก็ช่วยเพิ่มความสะดวกและได้ของครบกว่า

เทคนิค “ซื้อคู่คุ้มกว่า” และ “ซื้อขนาดใหญ่ พร้อมของแถม” จะเล่นกับจิตวิทยา “การประหยัด” ช่วยทำให้ลูกค้าซื้อของจำนวนมากขึ้นจากที่ตั้งใจ ส่วนการจัดชุดสินค้า “ซื้อเป็นชุด ได้ครบกว่า” เช่น ชุดผลไม้รวม ชุดสังฆทาน ชุดของฝาก ชุดของขวัญปีใหม่ ฯลฯ จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านสามารถขายของที่มีราคาสูงกว่าสินค้าปกติได้ ช่วยเพิ่มยอดขายต่อครั้งได้มากขึ้น

2. ให้ส่วนลดท้ายบิล

เทคนิคต่อมา คือ การให้ “ส่วนลดท้ายบิล” หมายถึง เมื่อลูกค้าซื้อของจนถึงราคาหนึ่งแล้ว หากซื้อเพิ่มให้ถึงเกณฑ์ขึ้นต่ำ ลูกค้าจะได้รับส่วนลดเพิ่ม เช่น ซื้อครบ 150 บาท จะได้รับส่วนลด 5% ยกตัวอย่างเช่น ลูกค้าซื้อของกับร้านรวม 120 บาท ลูกค้าก็จะหยิบหรือบวกสินค้าลงตะกร้าเพิ่มเพื่อให้ยอดบิลถึง 150 บาท เพื่อรับส่วนลด

สำหรับร้านค้าบน LINE MAN MART (ที่เข้าร่วม GP) ก็สามารถใช้โปรโมชันนี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการสร้างโปรฯ “ส่วนลดท้ายบิล” ผ่าน Wongnai Marchant App ตั้งราคาขั้นต่ำและกำหนดส่วนลดได้ 

สำหรับสูตรการหาราคาขั้นต่ำที่เหมาะสม คือ ยอดขายต่อบิล x 1.25  ได้เท่าไร จึงนำมากำหนดส่วนลดเป็นเปอร์เซ็นต์ที่ร้านรับไหว 

ยกตัวอย่างวิธีคำนวณ

  1. ยอดขายต่อบิล x 1.25 เช่น ยอดขายเฉลี่ยต่อบิลของร้าน อยู่ที่ 120 บาท

120 x 1.25 = 150 ให้ร้านตั้งยอดสั่งซื้อขั้นต่ำที่ 150 บาท

  1. ต้องการให้ส่วนลด 5 %

150 x 5% = 7.5 บาท ให้ร้านใส่มูลค่าส่วนลด 7 บาท 

จากเดิมที่ลูกค้าซื้อของกับร้าน 120 บาท เมื่อเห็นว่า ถ้าซื้อเพิ่มอีกหน่อย จะได้รับส่วนลด 5% ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสให้ร้านขายของต่อครั้งได้มากขึ้น 

**สร้างโปรฯ ส่วนลดท้ายบิล วันนี้! รับ “พื้นที่สื่อโปรโมตสินค้า” ฟรี! 2 ตำแหน่ง ไม่ต้องเสียค่าแอด!

อ่านวิธีสร้างโปรฯ ส่วนลดท้ายบิล และคำนวณส่วนลด ที่นี่ : คลิก

3. มีของในร้านให้เลือกหลากหลาย 

การมีของขายในร้านที่หลากหลายจะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อของเพิ่มได้ ซึ่งวิธีการนี้ จะคล้ายกับการที่ห้างสรรพสินค้ามีสินค้าให้เลือกหลากหลายทั้งของกินและของใช้ในชีวิตประจำวัน แม้ว่าลูกค้าจะเข็นรถเข้ามาเพื่อซื้อของเพียงไม่กี่อย่าง ก็มักจะต้องกลับไปพร้อมกับสินค้าอื่น ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจซื้อแต่แรกด้วย

ร้านบน LINE MAN MART ก็สามารถใช้เทคนิคนี้ได้ ด้วยการเติมของในร้านให้หลากหลายและครอบคลุมสิ่งที่ลูกค้าของร้านน่าจะมองหา แต่ควรจะต้องเป็นของในกลุ่มประเภทเดียวกัน เช่น ร้านขายอุปกรณ์เครื่องเขียนและสำนักงาน ร้านขายวัตถุดิบทำเบเกอรี่ ร้านขายผลไม้ ฯลฯ ถ้ามีของที่หลากหลาย ลูกค้าสามารถซื้อได้จากแหล่งเดียว เสียค่าส่งครั้งเดียว ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสที่ลูกค้าอยากจะสั่งมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ การที่มีของหลากหลายให้เลือกซื้อ เพิ่ม “ของที่ซื้อง่าย” หรือ “ของใช้ในชีวิตประจำวัน” เช่น  แชมพูที่ใช้ประจำ ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม ฯลฯ ก็เป็นการส่งเสริมโปรโมชัน “ส่วนลดท้ายบิล” ข้างต้นอีกด้วย เพราะช่วยเพิ่มตัวเลือกให้กับลูกค้าเวลาที่จะต้องซื้อของเพิ่มอีกสักชิ้น-สองชิ้น เพื่อให้ถึงเกณฑ์ขั้นต่ำรับส่วนลด 

4. มีสินค้าราคาพิเศษ

เมื่อของในร้านราคาถูกลง ก็มีโอกาสที่ลูกค้าจะซื้อของมากขึ้น หรือตอนแรกลูกค้าอาจตั้งใจจะมาซื้อของอีกอย่าง แต่เมื่อเห็นสินค้าอีกอย่างกำลังลดราคาอยู่ ลูกค้าก็อาจจะกดบวก “สินค้าราคาพิเศษ” เหล่านั้นเพิ่มได้ 

สำหรับพี่ ๆ ร้าน LINE MAN MART ก็สามารถเพิ่ม “สินค้าราคาพิเศษ” ในรายการสินค้าของร้านได้ 2 วิธี

  1. การสร้างโค้ดส่วนลด พี่ ๆ ร้านสามารถสร้างได้แบบโค้ดส่วนลดสำหรับ “สินค้าราคาพิเศษ” ได้ โดยที่ฟีเจอร์ของ Wongnai Marchant App สามารถกำหนดได้ว่า ให้ทำโปรโมชันในช่วงเวลาใดและสามารถจำกัดสิทธิ์ได้ นอกจากสินค้าถูกลง เพิ่มโอกาสให้ลูกค้าซื้อเยอะขึ้นแล้ว ร้านสามารถใช้โปรฯ นี้ ทำ “นาทีทอง” หรือ “Flash Sale” ในช่วงที่ร้านเงียบได้
  2. การลดราคาสินค้าด้วยตัวเอง ด้วยการแก้ไขชื่อสินค้าโดยใส่ชื่อโปรโมชันหรือส่วนลดลงไปด้วย เช่น [1 แถม 1] สัปรดภูแล, [ลด 30%] เนื้อหมูบด 500 กรัม, [ราคาพิเศษ] ดินสอสี 24 แท่ง ฯลฯ

เมื่อร้านมีตัวเลือกที่หลากหลายและมีสินค้าราคาพิเศษ จากเดิมที่ลูกค้าตั้งใจจะซื้อของเพียงอย่างเดียว (ที่อาจจะไม่ใช่สินค้าที่กำลังลดราคาอยู่) ลูกค้าก็อาจจะมองหาสินค้าที่พวกเขาน่าจะสนใจ สามารถซื้อไปตุนได้ เพื่อให้ได้สินค้าที่ราคาถูกกว่าปกติ ทำให้ร้านค้าขายของต่อครั้งได้มากขึ้น 

เทคนิคที่นำมาฝากกัน 4 เทคนิคในบทความนี้ เป็นเทคนิคที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ใช้ได้ผลพิสูจน์มาแล้ว เชื่อว่าพี่ ๆ ที่มีร้าน LINE MAN MART ร้านไหนลองทำตาม ต้องช่วยดันยอดขายเฉลี่ยต่อวันให้พุ่งขึ้นได้! ยิ่งขายต่อครั้งได้มากข้ึนบ่อย ๆ ยอดขายต่อวัน ต่อสัปดาห์ และต่อเดือนของร้านก็ยิ่งพุ่ง!

เพิ่มยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ง่าย ๆ ขยายฐานลูกค้า แถมโกยลูกค้าประจำ! สมัครเลย ใช้มือถือเครื่องเดียวก็สมัครได้ ผ่าน Wongnai Merchant App คลิกที่นี่

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ที่นี่ :

  • เทคนิควางรูปสินค้าหน้าร้านยังไงให้น่าสนใจเพิ่มยอดขายได้ถึง 20% คลิก
  • 4 ทริค พิชิตใจลูกค้า เพิ่มยอดขาย กำไรปัง คลิก
  • 10 เทคนิคลับ จีบลูกค้าใหม่ ให้เป็นลูกค้าประจำ เพิ่มยอดขายต่อเนื่องไม่มีตก! คลิก
  • 6 ทักษะแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องมีในปี 2022 อยากขายดีต้องมีทักษะเหล่านี้ คลิก