ขายของออนไลน์ ขายอะไรดี? แนะนำ 14 ประเภทสินค้ามาแรงปี 2023

อยากขายของไม่รู้จะขายอะไรดี? แนะนำเทรนด์สินค้ามาแรงบนโลกออนไลน์ 2023 เตรียมพร้อมตลาด มัดใจลูกค้าด้วยบริการเดลิเวอรีบน LINE MAN MART

การขายของออนไลน์มาแรงมากตั้งแต่ในช่วง 2-3 ปี หลังจากที่มีโควิด-19 และต้องล็อกดาวน์กัน ทำให้ผู้คนคุ้นเคยกับการสั่งของออนไลน์มากขึ้น ไม่ว่าจะต้องการอะไรก็จะเสิร์ชหาใน Google หรือตามแอปขายของออนไลน์ก่อนเลย ก็เป็นโอกาสสำหรับร้านค้าให้ปรับตัวมาอยู่บนโลกออนไลน์มากขึ้นเพื่อเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ

นอกจากนี้ สำหรับคนที่เห็นโอกาส และอยากขายของออนไลน์บ้าง แต่ไม่รู้ว่าจะขายอะไร? LINE MAN Wongnai Merchant Center ได้ไปค้นหาเทรนด์ของขายดี ที่น่าจะมาแรงในปี 2023 มาให้ ในบทความนี้ 

ถ้าร้านไหนขายของตรงกับสินค้าขายดีเหล่านี้ แล้วยังไม่ได้ทำการตลาดออนไลน์ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด ..ส่วนใครที่เริ่มต้นอยากค้าขาย แต่ไม่รู้จะขายอะไรดี เขียนมาเพื่อคุณเลย

ขายอะไรดี 2023? แนะนำ 14 สินค้าขายดีบนโลกออนไลน์ 

1. ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองสำหรับผู้ชาย

ทุกวันนี้ ผู้ชายก็ใส่ใจดูแลตัวเองกันไม่แพ้ผู้หญิง และเทรนด์สินค้าขายดีอย่าง ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองของผู้ชายก็มาแรงพุ่งขึ้นเช่นเดียวกัน โดยในปี 2021 สินค้าในกลุ่มนี้มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 74.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (หรือเกือบ 2.7 ล้านล้านบาท) และคาดการณ์ว่า ในปี 2023 -2027 ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองสำหรับผู้ชายจะมีมูลค่าการตลาดสูงถึง 108.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.9 ล้านล้านบาท) 

สิ่งที่น่าสนใจ คือ ผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองสำหรับผู้ชาย ในปัจจุบัน ไม่ได้จำกัดอยู่แค่โคโลญ และครีมโกนหนวดเท่านั้น แต่ผู้ชายทุกวันนี้ ใส่ใจภาพลักษณ์ และการดูแลตัวเองในด้านอื่น ๆ มากขึ้น

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองสำหรับผู้ชาย

  • ครีมโกนหนวด
  • ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย น้ำหอม โคโลญ 
  • แชมพูสระผม
  • สบู่อาบน้ำ
  • สบู่ทำความสะอาดสำหรับเฉพาะจุด
  • มีดโกนหนวด และมีดโกนหนวดไฟฟ้า
  • แบตตาเลี่ยนหรือเครื่องตัดผม
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า เช่น โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ 
  • สกินแคร์ เช่น มาส์กหน้า ครีมบำรุงผิว ลิปมัน 

2. ความงาม และของใช้ส่วนตัว

เทรนด์เรื่องการดูแลตัวเองเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สอดคล้องกับกระแสการดูแลสุขภาพของคนสมัยใหม่ โดยอัตราการเติบโตของตลาดสินค้าความงาม และของใช้ส่วนตัว เช่น หน้าตา ผิวพรรณ เส้นผม ฯลฯ ในปี 2021 อยู่ที่ 47.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (1.7 ล้านล้านบาท) และคาดการณ์ว่า มูลค่าตลาดจะสูงถึง 90.4  พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.2 ล้านล้านบาท) 

สำหรับหมวดสินค้าดูแลตัวเอง และความงามที่กำลังมาแรงสุด ๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ดูแลริมฝีปาก (Lips care) วิกผม ผ้าโพกหัว ขนตาปลอม เล็บปลอม และสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเล็บ

ตัวอย่างสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองและความงาม

  • โลชั่นเติมความชุ่มชื้นให้ผิว (Moisturizers)
  • สบู่ แชมพู และผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า เช่น คลีนเซอร์ โฟมล้างหน้า โทนเนอร์
  • ยาสีฟัน 
  • น้ำหอม และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย
  • เครื่องสำอาง
  • อุปกรณ์จัดแต่งผม เช่น หวี ไดเป่าผม ที่หนีบผม 
  • อื่น ๆ เช่น กระดาษเปียก ทิชชู่สำหรับเช็ดหน้า แอลกอฮอล์ล้างมือ 

3. ผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก สำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก

สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไหมขัดฟัน ฯลฯ เป็นอีกสินค้าที่น่าจะมาแรงในปี 2023 มีการคาดการณ์ว่า ในปี 2023 - 2027 สินค้าในกลุ่มนี้จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ปีละ 2.5% และมีมูลค่าการตลาด 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (9 หมื่นล้านบาท) 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับผู้ใหญ่และเด็กที่น่าจะมาแรง 

  • ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขลักษณะช่องปากสำหรับเด็ก เช่น ถุงมือแปรงฟันให้เด็ก ยาสีฟันสำหรับเด็ก
  • ไหมขัดฟัน
  • แปรงสีฟันไฟฟ้าสำหรับผู้ใหญ่
  • ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก
  • ชุดฟอกสีฟัน 
  • แปรงสีไฟจากวัสดุธรรมชาติ (สอดคล้องกับเทรนด์สิ่งแวดล้อม)

4. อาหารเสริม และอาหารทดแทน (Meal Replacement) 

อาหารทดแทนเป็นอีกเทรนด์สินค้าที่มาแรงในช่วง 2-3 ปี มานี้ โดยที่เราคุ้นเคยกันก็อย่างเช่น เวย์โปรตีนหรือโปรตีนชนิดผง รวมไปถึงผงชงดื่มทดแทนอาหารเช้า สอดคล้องไปกับการสังคมที่เร่งรีบ และยังต้องการมื้ออาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน 

มีการคาดการณ์ว่า ตลาดของสินค้ากลุ่มนี้จะเติบโตขึ้นสูงถึงปีละ 7.5% ซึ่งในปัจจุบัน สินค้ากลุ่มนี้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ลูกค้ามีตัวเลือก และรสชาติให้เลือกมากมายไม่จำเจ ทำให้ตลาดเติบโตขึ้นไปอีก

ตัวอย่างสินค้ากลุ่มอาหารทดแทนที่น่าขาย 

  • อาหาร และสแน็กบาร์พร้อมแทน 
  • ผงชงรับประทานแทนมื้ออาหาร
  • เวย์โปรตีนรสชาติต่าง ๆ
  • ไขมันดี วิตามิน แร่ธาตุเสริม 

5. ผลิตภัณฑ์ช่วยย่อย และขับถ่าย (Digestive Health Products)

กระแสของผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพทางเดินอาหารถือว่ามาแรงสุด ๆ ในปี 2022 อย่างที่เราจะเห็นโฆษณาเครื่องดื่มช่วยย่อย และขับถ่ายต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ต โยเกิร์ตพร้อมดื่ม เครื่องดื่มชาหมักคอมบูชา (Kombucha) เครื่องดื่ม อาหารที่มีโพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ 

จากกระแสนี้ จึงคาดการณ์กันว่า สินค้าในกลุ่มนี้จะเติบโตเป็นที่นิยม เป็นหนึ่งในสินค้าขายดีในปี 2023 มีการคาดการณ์ว่า สินค้ากลุ่มนี้จะเติบสูงถึง 8.1% ต่อปี

ตัวอย่างสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์ช่วยย่อยและขับถ่าย

  • คุกกี้หรือขนมที่ช่วยย่อย เสริมใยอาหาร
  • อาหารเสริมช่วยย่อย และขับถ่ายในรูปแบบแคปซูล 
  • โยเกิร์ตและโยเกิร์ตพร้อมดื่ม
  • เครื่องดื่มโพรไบโอติกส์ และพรีไบโอติกส์ เช่น นมเปรี้ยว ชาหมักคอมบูชา

6. ผลิตภัณฑ์เด็กเล็ก (แม่และเด็ก)

สินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์เด็กเล็ก เป็นอีกสินค้าที่น่าลงทุน เพราะมีแนวโน้มเติบโตสูงถึงปีละ 7.4% และเป็นสิ่งที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะลงทุนซื้อเพื่อดูแลลูกน้อยให้ดีที่สุด อีกทั้งคู่แข่งไม่เยอะ และมีสินค้ามากมายเกี่ยวกับเด็กเล็ก รวมถึงสินค้าแม่ และเด็กที่จำเป็นก็มีหลายอย่างด้วยกัน 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์เด็กเล็กที่น่าสนใจ

  • เสื้อผ้า ถุงเท้า ถุงมือ
  • ที่นั่งเด็กเล็กบนรถ
  • กระโถ ฝารองชักโครก
  • จุกหลอก ยางกัด
  • ผ้าออม 
  • ทิชชู่เปียก สำลี คอตอตนบัด ฯลฯ
  • ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่อตัว ผ้าซับน้ำลาย
  • อุปกรณ์ตัดเล็บ-ตัดผม
  • ของเล่นเด็กเล็ก

7. ผลิตภัณฑ์ดูแลรถ หรือคาร์แคร์ (Car Care Product)

สินค้าคาร์แคร์เป็นอีกกลุ่มสินค้าที่ตลาดมีความต้องการสูง มีกลุ่มคนที่รักรถอยู่จำนวนมาก และต้องการดูแลรถให้อยู่ในสภาพที่ดีอยู่เสมอด้วยตัวเอง สนใจผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ขจัดคราบต่าง ๆ เช่น น้ำฝน มูลนก รอยขีดข่วน ฯลฯ 

จากข้อมูล ในปี 2022 มูลค่าตลาดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ เติบโต 3.6% ถือเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่น่าลงทุนค้าขายในปี 2023

ตัวอย่างสินค้ากลุ่มคาร์แคร์

  • แผ่นขัดฟองน้ำสำหรับขัดเงารถ
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรถยนต์ ทั้งภายนอก และภายใน
  • แว็กซ์สำหรับเคลือบสีรถ และป้องกันฝุ่นเกาะ
  • ผลิตภัณฑ์ปกป้องคราบน้ำ

8. ของตกแต่งบ้าน

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า เพราะโควิด-19 ถึงทำให้ตลาดของตกแต่งบ้านมาแรงมาก ๆ เพราะคนออกไปไหนไม่ได้ จึงลงทุนกับการตกแต่งที่อยู่อาศัยให้น่าอยู่ สะดวกสบายมากขึ้น รวมไปถึงหลายคนต้องทำงานที่บ้าน หรือ Work Form Home จึงไม่แปลกใจว่า สินค้าของตกแต่ง และของใช้ในบ้านจึงเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่ขายดีสุด ๆ 

โดยในช่วงปี 2020 ที่เราต้องล็อกดาวน์กัน มูลค่าการตลาดของสินค้าตกแต่งบ้านในปีนั้นสูงถึง 641.4 พันล้านดอลลาร์ (หรือ 23 ล้านล้านบาท) และคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพิ่มอีกปีละ 4.8% 

ตัวอย่างของตกแต่งและของใช้ในบ้านที่มาแรง

  • พรมตกแต่งบ้าน 
  • ชุดเครื่องนอน เช่น หมอน ฟูก เตียงนอน ผ้าห่ม
  • ชั้น และกล่องจัดเก็บของต่าง ๆ เช่น ของใช้ เสื้อผ้า อาหาร อุปกรณ์ทำงานที่บ้าน ฯลฯ
  • ผ้าขนหนู

9. สินค้ารักษ์สิ่งแวดล้อม (Eco Product) 

ปัญหาสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวพวกเราขึ้นเรื่อย ๆ คนส่วนใหญ่ก็เริ่มตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ ผู้บริโภคหลายคนเลยมองหาสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรักษ์โลกกันมากขึ้น โดยสินค้ารักษ์โลกได้แก่ สินค้าที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ สามารถย่อยสลายได้ในธรรมชาติ หรือมาจากกระบวนการผลิตที่ไม่ก่อขยะเพิ่ม เช่น ของรีไซเคิล หรือสินค้าที่นำวัสดุเหลือทิ้งมาสร้างเป็นสินค้า

ตัวอย่างสินค้ารักษ์โลกที่คนนิยม

  • กล่องอาหาร และภาชนะจากวัสดุธรรมชาติ
  • กระบอกน้ำ แก้วน้ำ และหลอดจากวัสดุธรรมชาติ
  • น้ำยาล้างจาน แชมพูสระผมออร์แกนิก
  • ของตกแต่งบ้าน กระเป๋า และเสื้อผ้าจากวัสดุรีไซเคิลหรืออัพไซเคิล (Recycle & Upcycle)

10. ผลิตภัณฑ์อาหารสุขภาพ

หลังจากการระบาดของโควิด-19 ก็ทำให้คนหันกลับมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้น ทำให้สินค้าในกลุ่มอาหารสุขภาพขายดีขึ้นตามกัน โดยอาหารสุขภาพที่ขายดีบนอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่า ไม่ใช่อาหารสด แต่จะเป็นอาหารจำพวกเครื่องดื่ม และผงชง อาหารแห้ง หรือขนมที่กินแล้วได้คุณประโยชน์ และสารอาหารที่จำเป็น

ยกตัวอย่างสินค้ากลุ่มของอาหารหรือกินสุขภาพ

  • กราโนล่า 
  • ควินัว
  • ผงจมูกข้าว
  • ผงงาดำ
  • เอนไซม์ผลไม้ 
  • ผงชาเขียว 
  • ผลิตภัณฑ์อาหารคีโต
  • ชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มช่วยขับถ่าย

11. แกดเจ็ต และสินค้ากลุ่มเทคโนโลยี

ทุกวันนี้ สินค้ากลุ่มแกดเจ็ต และเทคโนโลยีต่าง ๆ กลายเป็นอีกกลุ่มสินค้าที่ทุกคนเข้าถึง และเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนโลกออนไลน์ ลองดูสิ่งของรอบตัวเรา เชื่อว่าอย่างน้อยต้องมีแกดเจ็ตอยู่บ้างคนละ 2 - 3 ชิ้น ไม่ว่าจะเป็นหูฟัง แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน หรือสมาร์ทวอทซ์ ฯลฯ 

ในปี 2023 เชื่อว่า เทรนด์สินค้ากลุ่มแกดเจ็ตจะมาแรงยิ่งกว่าเดิม ซึ่งเติบโตจากความคุ้นเคยกับเทคโนโลยีของผู้คน รวมไปถึงมีอุปกรณ์อัจฉริยะ และหุ่นยนต์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในบ้านมากขึ้น 

ตัวอย่างแกดเจ็ตมากแรงปี 2023

  • หูฟังไร้สาย
  • สมาร์ทวอทช์
  • แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank
  • ที่วางโทรศัพท์ ขาตั้งกล้อง ขาตั้งโทรศัพท์ ไม้กันสั่น
  • เคสแป้นพิมพ์ (Keyboard case)
  • เครื่องดูดฝุ่นไร้สาย
  • พอร์ตสาย USB
  • ไฟติดผนัง ไฟ RGB 

12. อาหาร และสินค้าสัตว์เลี้ยง

ตลาดอาหาร และสินค้าสัตว์เลี้ยงเป็นอีกตลาดที่เติบโตขึ้นมากในรอบหลายปีที่ผ่านมา มีกลุ่มลูกค้าที่รอซื้อของในกลุ่มนี้อยู่เรื่อย ๆ และส่วนใหญ่เป็นการซื้อซ้ำ ถือว่าเป็นอีกสินค้าประเภทที่คนค้าขายไม่ควรมองข้ามโดยเด็ดขาด โดยในปัจจุบันตลาดอาหาร และสินค้าสัตว์เลี้ยงบนตลาดออนไลน์ก็มียอดขายเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งบนเว็บขายของอีคอมเมิร์ซ และร้านขายเดลิเวอรี

ตัวอย่างอาหารและสินค้าสัตว์เลี้ยง 

  • อาหารเม็ด อาหารอัดกระป๋อง สำหรับสัตว์เลี้ยง
  • ของเล่นสัตว์เลี้ยง เช่น ยางกัดสำหรับสุนัข ของเล่นแมว คอนโดแมว 
  • เสื้อผ้า และเครื่องประดับสัตว์เลี้ยง
  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และดูแลสัตว์เลี้ยง 
  • กระเป๋าสำหรับพกพา หรือขนย้ายสัตว์เลี้ยง

13. แฟชั่น และเครื่องประดับ

เสื้อผ้า และสินค้าแฟชั่นยังคงเติบโต ขายดีบนโลกออนไลน์อยู่เรื่อย ๆ อย่างที่หลายคนน่าจะเคยมีประสบการณ์ ‘เอฟ’ ของจากไลฟ์ขายของ หรือช็อปปิ้งเสื้อผ้าบนเว็บขายของอีคอมเมิร์ซ และในปี 2023 สินค้าในกลุ่มนี้ ก็น่าจะยังเติบโตขึ้นไปอีก และคาดว่า สินค้าแฟชั่นจะมีความหลากหลายมากขึ้น 

ตัวอย่างสินค้าแฟชั่นและเครื่องประดับ 

  • บราท็อป หรือเสื้อกล้ามสำหรับผู้หญิง
  • ชุดกระชับสัดส่วน (Shapewear)
  • เครื่องประดับสไตล์มินิมอล เช่น กำไร สร้อยคอ สร้อยข้อมือ แหวน 
  • เสื้อผ้า และเครื่องประดับมือสอง 
  • เสื้อผ้า และเครื่องประดับจากวัสดุธรรมชาติและวัสดุอัพไซเคิล 

14. อุปกรณ์ออกกำลังกาย

อุปกรณ์ออกกำลังกายเป็นสินค้าขายดีที่ตีคู่มากับสินค้ากลุ่มอาหาร และของใช้สำหรับดูแลตัวเอง เพราะตั้งแต่เกิดการระบาดของโรคโควิด-19 ผู้คนก็หันมาสนใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ อีกปัจจัยที่ทำให้อุปกรณ์ออกกำลังกายขายดีขึ้นไปอีก เป็นเพราะช่วงล็อกดาวน์ที่คนออกไปออกกำลังกายนอกบ้าน หรือที่ยิมไม่ได้ หลายคนจึงฝึกฝน และออกกำลังกายด้วยตัวเองจากที่บ้าน 

ตัวอย่างอุปกรณ์ออกกำลังกายขายดี 

  • รองเท้าวิ่ง
  • เสื่อโยคะหรือเสื่อออกกำลังกาย
  • ลู่วิ่งไฟฟ้า
  • ดัมเบิล
  • ลูกกลิ้งบริหารหน้าท้อง 
  • เชือกกระโดด

ขอบคุณข้อมูลจาก: imarcgroup.com และ vetrinalive.com

ลูกค้าไม่ต้องรอนาน! เมื่อเปิดขายเดลิเวอรีบน LINE MART

ขายของออนไลน์ทุกวันนี้ ไม่ได้มีแค่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Shopee, Lazada เท่านั้น รู้หรือไม่ว่า ตอนนี้ บนแอป LINE MAN ก็สามารถสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ได้ และที่สำคัญ ไม่ต้องรอนานเป็นวัน! เมื่อลูกค้าสั่งซื้อของผ่าน LINE MAN MART ก็รอรับสินค้าได้เลยภายใน 30 นาที!

จุดเด่นของการเปิดร้านขายของบน LINE MAN ข้อนี้ ช่วยทำให้ร้านค้าขายของได้มากขึ้น เพราะลูกค้าสะดวกกว่า ง่ายกว่า สั่งของแป๊บเดียว ก็ได้รับของแล้ว ตอบโจทย์กับลูกค้าที่ต้องใช้ของทันที เช่น อยากทำเบเกอรี่ต้องสั่งซื้อได้ทันที อาหารแมวหมดก็กดสั่งเอา ฯลฯ 

สำหรับในฝั่งร้านค้าแล้ว LINE MAN MART ก็ตอบโจทย์หลายอย่าง 

  • มีคนส่งสินค้าให้จากร้านถึงมือลูกค้า ไม่ต้องเสียค่าส่งสักบาท (ลูกค้าเป็นคนจ่ายค่าส่ง)
  • ใช้ทำการตลาด แจกโค้ดส่วนลดดึงลูกค้าได้
  • เข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ เพิ่มโอกาสการขายทั้งหน้าร้านและออนไลน์

เริ่มต้นเปิดร้านเดลิเวอรีบน LINE MAN MART คลิกที่นี่

สินค้าขายดีปี 2023 ที่น่าเปิดขายบน LINE MAN MART บ้าง? 

แทนที่จะขายออนไลน์บนเว็บอีคอมเมิร์ซเพียงเท่านั้น ร้านค้าสามารถเริ่มต้นเปิดร้านออนไลน์ได้ง่าย ๆ กับ LINE MAN MART ให้ลูกค้าไม่ต้องรอ เพิ่มโอกาสขาย ลูกค้าสั่งซื้อบ่อย โดยสินค้าขายดี 2023 ที่เปิดขายบน LINE MAN MART ได้ ได้แก่ 

  • สินค้าความงามและของใช้ส่วนตัว (ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย)
  • อาหาร เครื่องดื่ม (ต้องไม่ใช่ของสด)
  • ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ
  • ผลิตภัณฑ์แม่และเด็ก
  • อาหารและของใช้สัตว์เลี้ยง
  • เสื้อผ้า แฟชั่น เครื่องประดับ
  • อุปกรณ์ออกกำลังกาย

นอกจากนี้ ยังมี 10 สินค้าขายดีมาแรงบน LINE MAN (👈 คลิกอ่านที่นี่) ที่อยากแนะนำสำหรับคนค้าขาย ไม่พลาดโอกาสเข้าถึงลูกค้าบนโลกออนไลน์ 

อ่านบทความ LINE MAN MART ที่น่าสนใจเพิ่มเติม :

  • 4 ทริค พิชิตใจลูกค้า เพิ่มยอดขาย กำไรปัง คลิก
  • เช็คลิสต์ 6 ข้อ เตรียมตัวให้พร้อมก่อนเปิดร้านบน LINE MAN MART : คลิก
  • 10 เทคนิคลับ จีบลูกค้าใหม่ ให้เป็นลูกค้าประจำ เพิ่มยอดขายต่อเนื่องไม่มีตก! คลิก
  • 6 ทักษะแม่ค้าออนไลน์ที่ต้องมีในปี 2022 อยากขายดีต้องมีทักษะเหล่านี้ คลิก