เปิดร้านใหญ่ แค่จ้างพนักงานเยอะ ๆ คงไม่น่าพอ! มาเรียนรู้การวางระบบร้านอาหารขนาดใหญ่ให้มีแบบแผนกัน
พูดถึงเทคนิคการดูแลร้านอาหารขนาดเล็กกันมาเยอะแล้ว วันนี้เรามาพูดถึงร้านอาหารใหญ่ หลายสาขา กันบ้าง
หลาย ๆ คนมองว่าร้านอาหารขนาดใหญ่ที่เปิดกิจการมาสักพักนึงแล้ว คงจะบริหารงานได้สบายตัว คล่องตัวขึ้น ด้วยเงินทุนขนาดใหญ่ ที่ไม่ว่าจะมีปัญหาเล็กใหญ่สักแค่ไหน ก็แค่จ้างพนักงานเพิ่ม หรือใช้เงินแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้
แต่แท้จริงแล้วร้านอาหารใหญ่ ก็เปรียบเสมือนกับการเปิดธุรกิจขนาดใหญ่ขึ้นมา ที่เพียงเจ้าของกิจการมีเงินเยอะ ไม่ได้แปลว่าจะอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง และมีภัตตาคารใหญ่จำนวนมากที่ปิดกิจการลงไป ถึงแม้จะขายดี ลูกค้าเยอะ ๆ มากก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้ว “การวางแผนการจัดการ (Management)” คือหัวใจสำคัญเมื่ออยากจะทำการใหญ่เสมอ
วันนี้ Wongnai for Business มาแชร์เทคนิคการวางระบบร้านอาหารขนาดใหญ่ ให้ดูมืออาชีพ มีแบบแผน ซึ่งเจ้าของร้านสามารถนำไปต่อยอดให้กับกิจการตนเองได้ ช่วยลดความวุ่นวายในการทำงานมากขึ้น และประหยัดต้นทุนการดำเนินงานไปพร้อม ๆ กันครับ
ยิ่งลูกค้าเยอะ ยิ่งร้านใหญ่แค่ไหน เราคงจะแค่ให้ลูกค้าเดินเข้าร้าน นั่งโต๊ะไหนก็ได้ ก็คงไม่ใช่แผนที่ดีสักเท่าไหร่ หากสังเกตุร้านอาหารใหญ่ ๆ หรือภัตตาคารที่ต่างประเทศ จะเห็นว่าจะมีพนักงานคอยให้บริการเราอยู่ตลอดการใช้บริการ (Customer Journey) ตั้งแต่เดินเข้าหน้าร้าน นั่งโต๊ะ สั่งอาหาร ยันทานเสร็จจนจ่ายเงินเลยทีเดียว
ตรงนี้จะต่างจากร้านอาหารบ้านเราส่วนใหญ่ที่มีพนักงานเยอะ แต่แต่ละคนก็เดินทำทุกหน้าที่ ทั้งรับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร คิดเงินลูกค้า ไหนจะต้องคอยนับสต๊อก เตรียมอุปกรณ์การกินในคนเดียวอีก ยิ่งเพิ่มภาระงานให้พนักงาน ยิ่งประสิทธิภาพในการทำงานลดลง และทำให้เกิดข้อผิดพลาดง่ายขึ้นด้วย
และผังองค์กรร้านอาหารใหญ่ ๆ ที่แบ่งหน้าที่พนักงานครบจบจะได้แบ่งออกตามนี้
คอยดูแลภาพรวม ทุกรายละเอียดทั้งงานหน้าร้านและหลังร้าน ซึ่งผู้จัดการร้านอาหารควรมีประสบการณ์และทักษะที่หลากหลาย พร้อมสภาวะผู้นำที่ดีในงานร้านอาหาร เพราะทุกปัญหาที่เกิดขึ้น ผู้จัดการร้านอาหารจะเป็นตัวหลักในการตัดสินใจเสมอ
หน้าที่หลักของผู้จัดการร้านอาหารคือ:
ประกอบไปด้วย
ประกอบไปด้วย
เจ้าของร้านอาหารหลาย ๆ คนอาจจะไม่คุ้นเคยกับชื่อนี้ แต่เมื่อพูดถึงการให้บริการแล้ว Service Blueprint เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างมาตรฐานการทำงานเราให้มีคุณภาพและคงคุณภาพบริการระดับประทับใจในระยะยาวได้
โดย Service Blueprint เปรียบเสมือนแผนภาพการให้บริการ ทำให้เห็นภาพรวมของระบบและจุดเชื่อมโยงจากลูกค้า พนักงานหน้าร้าน พนักงานหลังร้าน และอุปกรณ์เครื่องมือที่ใช้ ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 องค์ประกอบหลัก
– Customer Journey (User Action) ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงถึงประสบการณ์ลูกค้าร้านอาหารตั้งแต่เดินเข้าร้าน ว่าจะต้องต้องทำอะไรบ้างในการใช้บริการตั้งแต่เริ่มต้นจนจบจ่ายเงิน เดินออกจากร้าน
– Frontstage Actions (Front-of-Stage Interactions) บอกหน้าที่ของพนักงานหน้าร้านว่าต้องสื่อสาร หรือให้บริการลูกค้าในลำดับไหนใน Customer Journey บ้าง
– Backstage Actions (Back-of-Stage Interactions) บอกหน้าที่ของพนักงานหลังร้าน หรือส่วนครัว ว่าจะต้องทำหน้าที่ไหน เพื่อให้บริการลูกค้าได้เร็วและมีประสิทธิภาพบ้าง
– Processes (Support Processes) คือเทคโนโลยีและระบบต่าง ๆ ที่นำมาใช้ตลอดการให้บริการลูกค้า
ในบางครั้งร้านอาหารใหญ่ ๆ ที่มีแบบแผนการทำงานฉบับเดิมส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เน้นทำงานแบบ Manual อาจจะไม่ตอบโจทย์กิจการร้านอาหารสมัยใหม่ที่เน้นความเร็ว มีประสิทธิภาพ เป็นหัวใจหลัก ซึ่งการหันมาปรับตัวใช้เทคโนโลยีร้านอาหารดี ๆ เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยหลักที่ลดภาระพนักงาน ทำงานได้อย่างเป็นระบบ แม่นยำ และไร้ข้อผิดพลาดมากขึ้น
Wongnai POS เครื่องคิดเงินร้านอาหารอัจฉริยะ มาพร้อมฟีเจอร์จัดการร้านอาหารแบบครอบคลุมทุกการให้บริการ ตั้งแต่งานหน้าร้าน งานหลังร้าน รวมถึงการรับเดลิเวอรี ช่วยเจ้าของร้านอาหารขนาดใหญ่ดูแลร้านง่ายขึ้น เข้าถึงได้ทุกชุดข้อมูล ไม่ต้องอยู่หน้าร้านก็รู้ภาพรวมของร้านได้
สนใจสมัครและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wongnai POS คลิกที่นี่ได้เลย!