ถึงแม้ในร้าน Grandma's Coffee Bar จะตกแต่งด้วยของวินเทจ แต่เรื่องของระบบการบริหารจัดการนั้นทางร้านเลือกใช้ Wongnai POS เข้ามาช่วยตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้านกาแฟ
หลาย ๆ คนอาจจะเคยมีความคิดว่าอยากจะเปลี่ยนบ้านที่เรามีความผูกพันธ์ให้กลายเป็นสถานที่ที่สามารถแบ่งปันความสุขให้กับคนอื่น ๆ ได้ เช่นเดียวกับร้าน Grandma's Coffee Bar บ้านคุณย่าบาร์กาแฟ ที่คุณผักกาด - ศิริศร สุนทราภรณ์ชัย ได้นำบ้านที่เคยอาศัยอยู่กับคุณย่าในวัยเด็กมาแปลงโฉมและเปิดเป็นร้านกาแฟ Specialty ที่มีความอบอุ่นและเข้าถึงง่าย ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 77 แต่ถึงแม้ทุกอย่างในร้านจะดูตกแต่งด้วยของวินเทจ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ทางร้านให้ความสำคัญก็คือเรื่องของระบบการบริหารจัดการในร้านซึ่งต้องนำเทคโนโลยีอย่าง Wongnai POS เข้ามาช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้นตั้งแต่วันแรกที่เปิดร้านกาแฟ
จริง ๆ ที่ผ่านผมทำงานเป็นพนักงานบริษัทครับ แต่ก็มีความคิดว่าอยากจะเปิดร้านกาแฟเป็นของตัวเองเพราะทางบ้านผมก็ทำธุรกิจเกี่ยวกับนำเข้าอุปกรณ์ชงกาแฟอยู่แล้ว พอเห็นว่าบ้านเดิมที่อยู่กับคุณย่ามันทำเลค่อนข้างโอเคเพราะว่าติดถนนในซอยสุขุมวิท 77 (อ่อนนุช 54) ก็เลยค่อย ๆ แบ่งเอาเงินเดือนมาลงทุนทำร้านนี้ครับ ซึ่งมันก็เป็นที่มาของชื่อร้านด้วยเพราะว่าคุณย่าผมก็เสียไปแล้ว ก็เลยอยากจะทำให้ร้านนี้เป็นตัวแทนที่ทำให้นึกถึงคุณย่าครับ ก็เลยเป็นชื่อว่า Grandma’s Coffee Bar บ้านคุณย่าบาร์กาแฟ
ส่วนตัวผมมองว่าจุกเด่นของเราคือเรื่องของกาแฟและช็อกโกแลตที่มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลายครับ บวกกับบรรยากาศในร้านผมตั้งใจให้มันเข้าถึงง่าย เวลาที่ใครเข้ามาแล้วสงสัยว่ากาแฟอันนี้อันนั้นเป็นยังไง แตกต่างกันอย่างไร ทางเราก็จะช่ววยอธิบายหรือให้ความรู้ได้แบบไม่มีกั๊กเลยครับ เป็นร้าน Specialty ที่ก็ค่อนข้างมีความเฟรนด์ลี่ครับ
ด้วยความที่เราเปิดร้านช่องโควิด-19 ครับ ลูกค้าหลัก ๆ ตั้งแต่เปิดร้านจนถึงตอนนี้ของเราก็เลยเป็นคนที่สั่งผ่าน Delivery ครับ ประมาณ 70% ของลูกค้าทั้งหมดเลยก็ว่าได้ แต่พอลูกค้าที่ได้ลองชิมกาแฟของเราครั้งแรกแล้ว ส่วนใหญ่ครั้งถัด ๆ ไปก็จะเริ่มมานั่งทานที่ร้านครับ เรียกว่า Delivery เป็นตัวช่วยเปิดทางให้ลูกค้าได้มาทำความรู้จักกับเราครับ
จริง ๆ ผมเริ่มใช้ Wongnai POS ตั้งแต่เปิดร้านวันแรกเลยครับ ตั้งแต่ช่วงปี 2020 จนถึงปัจจุบันก็ใช้มาประมาณ 3 ปีแล้วครับ เพราะก่อนที่จะเปิดร้านผมก็มีไปศึกษาข้อมูลเรื่องการเตรียมตัว เรื่องการวางระบบอยู่บ้างทั้งจากในอินเตอร์เน็ตแล้วก็จากคนใกล้ตัวที่เปิดร้านอยู่ก่อนหน้าด้วย ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเราไม่เตรียมระบบการบริหารจัดการอะไรในร้านเราให้พร้อมตั้งแต่เนิ่น ๆ มันจะต้องมีปัญหาตามมาแน่ ๆ ในอนาคต เราเลยเลือกที่จะทำทุกอย่างให้มันเป็นระบบตั้งแต่เริ่มเปิดร้านดีกว่า รวมถึงอย่างที่บอกว่าเราเป็นร้านที่ต้องพึ่งพายอดขายจากทาง Delivery อยู่ ดังนั้นตัวระบบ Wongnai POS เลยตอบโจทย์ร้านเราที่สุดเพราะว่าสามารถรับออเดอร์จาก LINE MAN ซึ่งเป็นช่องทางหลักของร้านเราได้เลยทันทีโดยไม่ต้องมีเครื่องรับออเดอร์แยกอีกให้วุ่นวาย และสามารถปรับแต่งตัวเลือกของเมนูกาแฟเราได้ค่อนข้างละเอียด เช่น มีตัวเลือกคั่วเข้ม คั่วกลาง มีตัวเลือกแยกหรือใส่น้ำแข็ง หวานน้อยหวานมาก รวมถึงสามารถใส่รายละเอียดของแต่ละเมนูได้ คือตรงนี้มันค่อนข้างช่วยให้ประสบการณ์การทานกาแฟของลูกค้า Delivery ของเราใกล้เคียงกับการมาที่ร้านมากที่สุดครับ
ด้วยความที่เราเริ่มจากทำร้านนี้กันเอง ไม่ได้มีคนช่วยเยอะ ดังนั้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเสริมก็เลยเป็นเรื่องที่เราคิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับร้านเรามากที่สุดในเวลานั้น เพราะช่วยทุ่นแรงทั้งในเรื่องการจัดการยอดขาย การจัดการสต๊อกที่ไม่จำเป็นต้องทำลงในกระดาษเลย ทุกอย่างถูกเก็บรวบรวมไว้แบบออนไลน์ ก็ค่อนข้างจะสะดวกในการเรียกดูข้อมูล และที่สำคัญคือช่วยป้องกันการผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากการใช้ระบบจดมือได้แน่นอน เพราะอย่างที่บอกว่าร้านเรามีเมล็ดกาแฟและวัตถุดิบอื่น ๆ ค่อนข้างเยอะ แต่ละเมนูก็ใช้ปริมาณของวัตถุดิบที่ไม่เท่ากัน ดังนั้นถ้าต้องทำบัญชีหรือเช็คสต๊อกด้วยมือทั้งหมดทุก ๆ วัน ผมว่ายังไงก็ต้องมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นแน่น ๆ ครับ ก็เลยเป็นอีกจุดนึงที่ตัดสินใจเลือกใช้ระบบ POS เข้ามาช่วยตั้งแต่เริ่มเปิดร้านครับ รวมถึงทาง Wongnai POS ก็ยังเป็นตัวกลางในการเชื่อมลูกค้าใหม่ ๆ ให้มารู้จักกับร้านเราที่เพิ่งเปิดใหม่ด้วย ก็ถือว่าเป็นการช่วยทำการตลาดในช่วงแรก ๆ ของร้านได้อีกทางหนึ่ง โดยรวมแล้วผมมองว่ามันเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างคุ้มค่าเพราะว่าถ้าเราลองคำนวนค่าใ้ช้จ่ายในส่วนนี้ดูแล้วมันเฉลี่ยอยู่ที่ไม่กี่สิบบาทต่อวัน ซึ่งถ้าเทียบกับความสะดวกสบายและต้นทุนในการจัดการที่ลดน้อยลง ผมก็มองว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าครับ
ฟีเจอร์ที่ผมค่อนข้างชอบก็คือเรื่องของการดูรายงานยอดขายครับ เพราะว่าสิ่งสำคัญของการทำธุรกิจคือเราก็คงต้องอยากเห็นกำไรจากการขาย ซึ่งทางระบบของ Wongnai POS ค่อนข้างทำได้ดี คือพอเราใส่ต้นทุนวัตถุดิบและปริมาณที่ใช้ในแต่ละเมนูอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้น พอเมื่อไหร่ที่เราขายเมนูไหนไป ระบบมันก็จะเก็บข้อมูลไว้ พอปิดร้านผมก็สามารถเห็นได้ทันทีเลยว่าวันนี้เรามีต้นทุนที่จ่ายไปกับค่าวัตถุดิบกี่บาท ราคาขายสุทธิกี่บาท และคำนวนออกมาเป็นกำไรกี่บาท รวมถึงบอกได้ด้วยว่าเมนูไหนที่ขายดีที่สุด เมนูไหนที่ขายออกไปน้อยที่สุด ตรงนี้มันทำให้เรารู้จักลูกค้าของเราดีขึ้นว่าเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร ก็สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดทั้งเรื่องของสูตรและการทำการตลาดได้ด้วย ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็สามารถดูข้อมูลผ่านแอป Wongnai POS Manager ได้แล้วด้วย ก็ยิ่งสะดวกมากขึ้นครับเพราะว่าอยู่ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ดูได้ทันทีเลยไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่หน้าร้านหรือว่าเปิดคอมครับ
ต้องบอกว่าตอนนี้ธุรกิจร้านกาแฟหรือการเปิดคาเฟ่มันเป็น Red Ocean ไปแล้วโดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ดังนั้นมันไม่ใช่แค่ว่าเราอยากจะเปิดร้านเราก็เปิด คือเราต้องศึกษาหาข้อมูลให้ถี่ถ้วนก่อนว่าจุดเด่นของเราจะเป็นอะไร ลูกค้าของเราจะเป็นใคร ตอบตัวเองให้ได้ก่อนในส่วนนี้ รวมถึงเรื่องของการเตรียมระบบการจัดการร้านก็ไม่ควรมองข้าม ยิ่งถ้าเป็นร้านเปิดใหม่ด้วยแล้วบางทีการเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการหลาย ๆ อย่างในร้านมันก็ช่วยให้เราทำอะไรได้คล่องตัวมากขึ้นและเป็นระเบียบมากขึ้น อย่างการทำบัญชีหรือการทำสต๊อก คือถ้าคุณไม่ได้เชี่ยวชาญด้านตัวเลขมาก่อน ผมก็แนะนำว่าเอาระบบ Wongnai POS นี่แหละเข้ามาช่วย แล้วชีวิตคุณจะดีขึ้นแน่นอน
สำหรับใครที่สนใจอยากเปิดร้านกาแฟและต้องการวางระบบของร้านให้มีประสิทธิภาพเหมือนร้าน Grandma's Coffee Bar สามารถลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Wongnai POS ได้ที่นี่เลย!