Wongnai for Business อยากชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับการตลาดแบบ “Converse to Convert” หรือการตลาดแบบปากต่อปาก เป็นการตลาดที่ช่วยธุรกิจประหยัดงบโฆษณาและยังกระตุ้นให้คนอยากซื้อแบบเรียล ๆ มาฝากกัน ถ้าพร้อมแล้วตามไปดูกันเลย
การตลาดแบบ Converse to Convert คือ การที่ธุรกิจหรือแบรนด์หันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการกระตุ้นให้ผู้คนพูดถึงแบรนด์กันแบบปากต่อปาก หรือมีการพูดคุยถึงแบรนด์กันมากขึ้น โดยผู้เริ่มต้นการสนทนาไม่จำเป็นต้องเป็นตัวแบรนด์หรือร้านอาหารเอง แต่อาจเป็นใครก็ได้ที่เข้ามาปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์หรือร้านของเรา เช่น ลูกค้าที่มาใช้บริการที่ร้านจริง เหล่าอินฟลูเอนเซอร์ นักรีวิว กลุ่มลูกค้าที่มีความผูกพันกับตัวร้านหรือเป็นลูกค้าประจำมานานหลายปี เป็นต้น
บุคคลดังกล่าวนี้เองจะเป็นคนคอยบอกเล่าเรื่องราวของร้าน (Converse) ซึ่งจะช่วยสร้างความน่าสนใจ ทำให้เกิดการอยากรู้ อยากลอง และช่วยสร้างความน่าซื้อ/น่าใช้บริการ ไปจนถึงชวนให้ผู้อื่นยอมควักเงินออกจากกระเป๋ามาอุดหนุนธุรกิจได้แบบเต็มใจนั่นเอง
การทำการตลาดแบบ Converse to Convert นี้ก็มีด้วยกันหลายวิธี เช่น
เมื่อโพสต์ที่เกี่ยวกับร้านของเราถูกแชร์ออกไปจำนวนมาก สิ่งที่ตามมา คือ ร้านจะเริ่มมีชื่อเสียง คนจำได้ และจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็น Top of mind ที่คนจะนึกถึง เป็นต้น
ข้อดีของการทำการตลาดปากต่อปากที่เห็นได้ชัดเจนมากที่สุด คือการที่ธุรกิจหรือร้านอาหารของเราไม่ต้องเสียเงินในการจ่ายค่าโฆษณาเหมือนการทำการตลาดรูปแบบอื่น ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีและตอบโจทย์มาก เพราะการทำการตลาดแบบนี้จะทำให้ร้านถูกบอกต่อไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นบนโลกออนไลน์และออฟไลน์
Converse to Convert สามารถช่วยขยายฐานลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก เพราะเมื่อมีการบอกต่อกันในวงกว้างก็จะทำให้ร้านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าตามมา เรียกได้ว่าสามารถทำให้ธุรกิจเล็ก ๆ เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
การทำการตลาดแบบ Converse to Convert จะช่วยทำให้แบรนด์ร้านอาหารหรือธุรกิจมีความน่าเชื่อถือเพิ่มมากขึ้น เพราะเมื่ออาหารหรือเครื่องดื่มของเราอร่อย คุณภาพดี ตลอดจนมีบริการที่ประทับใจให้กับลูกค้าไปจนถึงขนาดที่มีการบอกต่อกัน ก็จะช่วยให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในแบรนด์มากขึ้น
การทำการตลาดแบบ Converse to Convert จะช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของลูกค้า เพราะการบอกต่อที่มาจากเพื่อนหรือคนที่สนิทนั้นจะมีความน่าเชื่อถือและเกิดการคล้อยตามได้ง่าย และส่งผลให้ลูกค้าเกิดการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่ายขึ้นนั่นเอง
เริ่มแรกสิ่งที่การทำการตลาดแบบ “Converse to Convert” จำเป็นต้องมีคือ กลุ่มเป้าหมายของร้าน โดยร้านต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนว่าร้านต้องการสื่อสารกับคนกลุ่มไหน แล้วทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
กลยุทธ์ต่อมาคือการเข้าถึงอารมณ์ หรือการเชื่อมต่อกับความรู้สึกของผู้คน ซึ่งมีความสำคัญอย่างมาก เพราะเป็นปกติทั่วไปเมื่อคนเราเห็นเพื่อน หรือคนสนิทซื้อสินค้าชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือไปรับประทานอาหารที่ร้านใดร้านหนึ่งแล้วบอกว่าดี ก็จะทำให้เราเกิดความต้องการอยากซื้อหรือไปลองตามนั่นเอง
ตัวอย่างการเชื่อมต่อกับความรู้สึกของผู้คนที่ร้านอาหารสามารถทำได้ เช่น
การมีส่วนร่วมกับคนหมู่มากนั้น ถือเป็นแนวทางในการทำการตลาดแบบ Converse to Convert ที่สำคัญ เพราะเมื่อธุรกิจร้านอาหารของคุณมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างการออกโปรโมชันต่าง ๆ และสามารถทำให้คนจำนวนมากมีส่วนร่วมได้ ผู้คนก็จะสามารถจดจำแบรนด์และพูดถึงร้านของคุณมากขึ้น
โดยการนำอินฟลูเอนเซอร์เข้ามาช่วยนี้ ก็เพื่อเป็นการเชิญชวนหรือสร้างความต้องการซื้อให้แก่ผู้บริโภคผ่านการเขียนรีวิวอาหาร การทำคลิปวิดีโอบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นผ่าน Facebook Twitter Instagram หรือ YouTube เป็นต้น
ซึ่งจากสถิติของ Digital 2023 Thailand Report พบว่า คนไทยนิยมค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแบรนด์ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนตัดสินใจซื้อมากที่สุด สูงถึง 50.3% และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายต่างหันมาเลือกใช้อินฟลูเอนเซอร์เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่ร้านอาหาร ทำให้ร้านเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และเพิ่มยอดขายให้กับร้านนั่นเอง
ในการทำการตลาดแบบ Converse to Convert ธุรกิจต้องไม่ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการหรือซื้อสินค้า รวมถึงต้องทำให้ร้านของคุณสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากที่สุด เพราะคำแนะนำหรือรีวิวที่ลูกค้าแสดงความคิดเห็นนี้จะช่วยทำให้เกิดการบอกต่อร้านของคุณได้ง่ายมากขึ้น
ซึ่งวิธีเปิดโอกาสในการแสดงความคิดเห็นมีหลายวิธี เช่น
พนักงานหรือบุคคลภายในถือเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจและเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญอย่างมาก การให้บุคคลเหล่านี้ได้มีการทดลองใช้งานสินค้า ชิม หรือรับบริการ ก็เพื่อให้พวกเขามีความคิดเห็นส่วนตัว ที่สามารถบอกต่อหรือแนะนำลูกค้าที่มาใช้บริการต่อได้อย่างตรงจุด และสิ่งนี้ก็จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและคล้อยตามได้ดียิ่งขึ้น
Facebook Instagram และ Twitter ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ดีในการสร้าง Converse to Convert เพราะเป็นโซเชียลมีเดียที่ผู้คนมักใช้บอกต่อ ป้ายยา หรือแบ่งปันความรู้ ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารน่าลอง หรืออะไรที่ดีก็แนะนำว่าดี อะไรที่ไม่คุ้มก็บอกไปตรง ๆ ช่วยสร้างอิมแพคให้คนรู้สึกอยากใช้/อยากลองตาม
โดยเฉพาะ Facebook Group ที่เราอาจเคยเห็นผ่านตากันมาบ้าง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในช่องทางที่รวบรวมคนที่มีความชอบเหมือนกัน ได้มาพูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเป็นแหล่งที่ดีในการมาแนะนำ ป้ายยาสมาชิก มาบอกต่อร้านดัง หรือมาช่วยกันแบ่งปันความรู้ รีวิวข้อดี ข้อเสียที่ได้ไปลองให้สมาชิกในกลุ่มได้รับรู้ เป็นต้น
ทางร้านสามารถเพิ่ม Customer Engagement หรือกระตุ้นให้คนรู้จักได้มากขึ้นโดยการ แชร์รีวิวหรือสิ่งที่คนมาคอมเมนต์ถึงร้านมายังหน้า Facebook Page ของร้าน หรือเข้าไปตอบกลับโดยการคอมเมนต์ขอบคุณคนที่ช่วยรีวิวร้านของเราเพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีและเป็นการเพิ่ม Engagement กับลูกค้าบนโซเชียลมีเดียอีกด้วย
Instagram เรียกได้ว่าเป็นอีกช่องทางฮอตฮิตและเหมาะกับกลยุทธ์การตลาดแบบ Converse to Convert ในปัจจุบันเป็นอย่างมาก ด้วยจุดประสงค์ของการเล่นแพลตฟอร์มนี้ก็คือเพื่อแสดงออกถึงไลฟ์สไตล์ ทำให้ Instagram กลายเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่เหมาะมากกับการแชร์ รีวิว เช็กอิน ซึ่งเมื่อลูกค้ามีการรีวิวหรือเมนชันมายังร้านผ่านทาง Instagram stories, Instagram post ทางร้านก็สามารถเข้าไปคอมเมนต์ขอบคุณ หรือรีโพสต์ Instagram stories หรือแม้กระทั่งการติดแฮชแท็ก(#) ก็เป็นที่นิยมในการใช้ค้นหาร้านอาหารหรือเพื่อดูรีวิวร้านอาหารบน Instagram เช่นกัน
Twitter ถือได้ว่าเป็นหนึ่งใน Marketplace ที่คนเข้ามาตามหาสินค้า ค้นหารีวิวผ่านการใช้แฮชแทก # การรีทวีต (retweet) หรือตอบกลับ (reply) เมื่อมีคนกล่าวถึงร้านหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร้าน ซึ่งอีกทั้งจุดเด่นของ Twitter คือการมีข้อจำกัดตัวอักษรในทวิตเตอร์ที่ทำให้ผู้คนต้องแนะนำสินค้า/รีวิวโดยใช้ Text ที่สั้น กระชับ ใส่ประสบการณ์ หรือการมีส่วนร่วมในสินค้านั้น ๆ ลงไปได้ง่ายไม่ยืดเยื้อ ซึ่งเป็นเหมือนการป้ายยาให้คนอ่านรีบตัดสินใจนั่นเอง
เป็นยังไงกันบ้างกับเทคนิคการตลาดแบบ Converse to Convert ที่เรานำมาฝากกันในบทความนี้ สำหรับผู้ประกอบการร้านอาหารสามารถนำเอากลยุทธ์การตลาดนี้ไปปรับใช้ได้เลยทันที เพราะเป็นวิธีที่ไม่ว่าจะร้านเล็กหรือร้านใหญ่ก็สามารถทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ผู้บริโภคนิยมซื้อสินค้าและบริการผ่านทางแพลตฟอร์มออนไลน์
การใช้กลยุทธ์การตลาดร้านอาหารทางโซเชียลฯ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป แถมยังช่วยขยายช่องทางในการขายให้แก่ธุรกิจโดยที่แทบไม่ต้องใช้งบประมาณมากมาย เชื่อว่าหากทำได้ตามนี้ ลูกค้าจะไหลมาเทมา ยอดขายพุ่งทุกวันอย่างแน่นอน!
เริ่มต้นเปิดร้านบน LINE MAN คลิกเลย
เทคนิคโปรโมตร้านเพิ่มเติม ที่คุณอาจสนใจ!