Yield คืออะไร? สูตรคำนวณวัตถุดิบที่เจ้าของร้านอาหารต้องรู้

พาทำความรู้จัก Yield สูตรที่จะช่วยแก้ปัญหาการคิดต้นทุนพลาดจนกำไรหาย

          ในธุรกิจร้านอาหาร แน่นอนว่าต้นทุนมีหลากหลายประเภทให้เราต้องคำนวณ ทั้งต้นทุนวัตถุดิบ ต้นทุนอุปกรณ์ ต้นทุนที่เป็นค่าแก๊ส ค่าน้ำ-ไฟ ซึ่งต้นทุนถือเป็นจุดวัดว่า ร้านของเราจะได้กำไร หรือขาดทุน เจ๊ง-ไม่เจ๊ง

          การคำนวณต้นทุนอาหารผิด อาจทำให้กำไรหาย หรือขาดทุนไปเลยก็ว่าได้ และต้นทุนที่หลายร้านมักจะพลาดคำนวณผิดกันง่าย ๆ ก็คือ “ต้นทุนวัตถุดิบ” จุดสำคัญ คือ เราไม่สามารถนำราคาของวัตถุดิบมาคิดเป็นต้นทุนวัตถุดิบได้แบบตรง ๆ แต่ร้านจะต้องคำนึงถึงสิ่งที่เรียกว่า “Yield” (อ่านว่า “ยีลด์”) ซึ่งเป็นสูตรคำนวณต้นทุนอาหารที่คำนวณปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ไม่ได้ออกไปด้วย

          วันนี้ LINE MAN สรุปให้แล้ว Yield มีความสำคัญอย่างไร คำนวณอย่างไร เตรียมเครื่องคิดเลขให้พร้อม! ชวนร้านอาหารลุยโจทย์ไปด้วยกัน!

Yield คืออะไร? ส่งผลยังไงต่อการคำนวณต้นทุนอาหาร

          Yield หรือ “ยีลด์” คือ สัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ได้จริงหารกับปริมาณวัตถุดิบที่ซื้อมา เพื่อนำมาคำนวณหาต้นทุนที่แท้จริงของวัตถุดิบที่ได้หลังจากที่เราได้วัตถุดิบเฉพาะส่วนที่ใช้ได้เท่านั้น

  • สมมติว่า ซื้อแซลมอนมากิโลกรัมละ 350 บาท แซลมอน 1 ตัวน้ำหนัก 5 กิโลกรัม รวมราคาตัวละ 1,750 บาท
  • จากนั้น แล่แซลมอนขายเป็นเซตซาซิมิเซตละ 200 กรัม แบ่งขายได้ 25 เซต (5,000 กรัม ÷ 200 กรัม)
  • หากคำนวณต้นทุนตรง ๆ ต้นทุนต่อเซตจะตกที่ 70 บาท [มาจาก 1,750 บาท ÷ (5,000 กรัม ÷ 200 กรัม)]

‍          แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราจะคิดต้นทุนอาหารตรง ๆ แบบนี้ไม่ได้ เพราะยังมีส่วนที่มองข้ามไป ไม่ได้เอามาคำนวณ นั่นคือ “วัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้” ซึ่งในกรณีของการแล่แซลมอนขายเป็นเซตซาซิมิ แน่นอนว่า เราต้องตัดส่วนหาง ตัดหัว เลาะก้างออก รวมถึงตัดแต่งเนื้อบางส่วนออกก่อนที่จะขาย ทำให้เราไม่สามารถคิดต้นทุนด้วยราคาที่ซื้อวัตถุดิบมาตั้งแต่แรกได้ แต่เราควรคิดราคาต้นทุนวัตถุดิบหลังจากที่ตัดแต่งจนเหลือแต่ส่วนที่ใช้ได้แล้ว เราจึงต้องมาหา “Yield” กัน ว่าต้นทุนวัตถุดิบจริง ๆ นั้นมีราคาเท่าไหร่

สูตรคำนวณหา Yield% 

  • สูตร: Yield % = (ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ได้จริง ÷ ปริมาณวัตถุดิบที่ซื้อมา) x 100

ตัวอย่างการคำนวณ

          แซลมอนที่ซื้อมา มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัม กิโลกรัมละ 350 บาท รวมเป็น 1,750 บาท หลังจากตัดหาง ตัดหัว เลาะก้างออกแล้ว ปลาแซลมอนจะเหลือน้ำหนักเพียง 4 กิโลกรัม ให้นำ “ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ได้จริง” หารด้วย “ปริมาณวัตถุดิบที่ซื้อมา”

(แซลมอนที่ใช้ได้จริง 4 กิโลกรัม ÷ แซลมอนที่ซื้อมา 5 กิโลกรัม) x  100 = 80%

          เมื่อได้ Yield% แล้ว เราถึงจะนำมาคำนวณต้นทุนวัตถุดิบจริง ๆ โดยเอาราคาที่ซื้อมาหารกับ Yield% ได้แก่

แซลมอนที่ซื้อมาราคา 1,750 บาท ÷ 80% = 2,187.5 บาท เป็นต้นทุนจริงหลังจากที่ตัดวัตถุดิบส่วนที่ไม่ใช้ออกไปแล้ว

          หากต้องการคำนวณต้นทุนแซลมอนที่ใช้ต่อเซต ให้นำปริมาณแซลมอนที่ใช้ได้ มาหารกับ ปริมาณแซลมอนในหนึ่งเซต (4,000 กรัม ÷ 200 กรัม = 20 เซต) หลังจากนั้นให้นำต้นทุนจริงที่คำนวณได้มาหารกับจำนวนที่ทำขายได้ คือ ต้นทุน 2,187.5 บาท ÷ 20 เซต = 109.37 บาท

          สรุป ต้นทุนต่อเซตจริง ๆ แล้วคือ 109.37 บาท ไม่ใช่ 70 บาท (แตกต่างกันเกือบ 40 บาท!) จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมเราไม่ควรพลาดคำนวณ Yield ก่อน

ข้อสังเกต: ทำไมร้านถึงควรคำนวณต้นทุนอาหารด้วย Yield

  • ก่อนคำนวณต้นทุนด้วย Yield แซลมอนตัวหนึ่งแบ่งขายได้ 25 เซต แต่ความจริงแล้วแบ่งขายได้เพียง 20 เซต ทำให้ต้นทุนที่คิดแบบตรง ๆ คลาดเคลื่อน
  • หลังคำนวณต้นทุนด้วย Yield ต้นทุนต่อเซตแตกต่างกันถึง 40 บาท หากขายปริมาณมาก ๆ เช่น 100 เซต ต้นทุนจะห่างกันถึง 4,000 บาท บางทีกำไรที่หายไป หรือได้น้อย อาจมาจากการตั้งราคาโดยที่ไม่คำนึงถึง Yield
  • หากเป็นอาหารเมนูอื่นที่ใช้วัตถุดิบหลากหลาย มีวัตถุดิบที่ต้องตัดแต่ง และคัดออกหลายชนิด ต้นทุนจริง ๆ ของวัตถุดิบแต่ละชนิดรวมกันก็ยิ่งสูงขึ้น หากไม่คำนวณให้ดีอาจเสี่ยงขาดทุน

สรุป 3 ขั้นตอน วิธีคำนวณต้นทุนอาหารให้เป๊ะ ด้วย Yield !

          จากทั้งหมดที่กล่าวมา สรุปเป็นวิธีการคำนวณง่าย ๆ มีเพียง 3 ขั้นตอนเท่านั้น
1) หาเปอร์เซ็นต์ของ Yield ด้วยสูตร

  • Yield % = ปริมาณวัตถุดิบที่ใช้ได้จริง ÷ ปริมาณวัตถุดิบที่ซื้อมา x 100

2) คำนวณหาต้นทุนจริง ด้วยสูตร

  • ต้นทุนจริง = ราคาที่ซื้อมา ÷ Yield%

3) คำนวณหาต้นทุนต่อหน่วย 

  • ต้นทุนต่อหน่วย = ต้นทุนจริง ÷ จำนวนหน่วย

         ร้านไหนที่ยังไม่เคยลองคำนวณต้นทุนด้วย Yield ถ้าได้ลองจะรู้เลยว่า ต้นทุนต่อจาน ต่อถ้วย หรืออาหารต่อกล่องของอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งบางร้านอาจจะต้องตั้งราคาขายกันใหม่เลยก็ได้ เพราะหากร้านมองข้ามเรื่อง Yield ก่อนตั้งราคาอาหาร ร้านอาจคำนวณต้นทุนได้ถูกกว่าความเป็นจริง ซึ่งส่งผลให้ร้านขายอาหารได้กำไรน้อยกว่าที่คาดหวังไว้

เริ่มต้นเปิดร้านบน LINE MAN คลิกเลย

ติดตามข่าวสาร และสาระน่ารู้ที่พ่อค้าแม่ค้า LINE MAN ไม่ควรพลาด ได้ที่กระดิ่งแจ้งเตือนบนแอปฯ Wongnai Merchant App คลิกที่นี่

บทความแนะนำเพิ่มเติม